คลินตัน-ทรัมป์ดีเบตครั้งแรก
2 ผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อภิปรายกันอย่างดุเดือดในประเด็นเรื่องงานการก่อการร้ายและการเหยียดสีผิวในการประชันวิสัยทัศน์ทางโทรทัศน์วันที่ 27 ก.ย.
โดยเริ่มมีการโจมตีกันเป็นการส่วนตัว เช่น นายโดนัลด์ ทรัมป์ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันกล่าวหานางฮิลลารี คลินตันคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตว่า ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากพอที่จะเป็นประธานาธิบดีขณะเดียวกัน นางคลินตันก็แหย่นายทรัมป์โดยการชี้ว่า เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยหลักฐานการจ่ายภาษี
รายการดีเบตทางโทรทัศน์ครั้งนี้ที่ถ่ายทอดสดจากนิวยอร์กอาจเป็นรายการที่มีจำนวนผู้ชมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์ของสหรัฐฯ ด้วยจำนวนผู้ชมมากกว่า 100 ล้านคน
“ ดิฉันมีความรู้สึกว่า พอจบรายการในคืนนี้ ดิฉันจะถูกกล่าวโทษจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ” นางคลินตันเหน็บหลังจากถูกนายทรัมป์กล่าวโจมตี
“ ก็จริงนี่ ” นายทรัมป์โต้
นายทรัมป์กล่าวปกป้องตัวเองจากคำถามของนายเลสเตอร์ โฮลท์ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการถึงเรื่องที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการเสียภาษีว่า เขายังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีตามปกติและจะเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว โดยนายโฮลท์โต้กลับว่า นายทรัมป์ได้รับอนุญาตให้สามารถเปิดเผยข้อมูลการจ่ายภาษีได้ในขณะที่ยังทำการตรวจสอบบัญชีอยู่
นางคลินตันได้โอกาสรุกว่า เขาไม่จ่ายภาษีซึ่งแปลว่า จะไม่มีรายได้ไปจ่ายให้กำลังพลในกองทัพและไม่มีเงินจ่ายให้ทหารผ่านศึก การศึกษาและสาธารณสุข
นอกจากนี้ ไฮไลท์สำคัญอื่นๆในการดีเบตคือ
- “ คุณต่อสู้กับ ISIS มาตลอดช่วงชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่ของคุณ ” นายทรัมป์ล้อเลียนนางคลินตัน
- เขาโจมตีว่านางคลินตันไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ไม่เหมาะจะเป็นประธานาธิบดี
- เขากล่าวว่า คนผิวสีในสหรัฐฯกำลังอยู่ในสภาพเหมือนตกนรกในสถานการณ์ปัจจุบันของสหรัฐฯ
- นายทรัมป์ตอบคำถามเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงชายผิวสี ว่า ควรมีกฎหมายของคนผิวสีและการบังคับใช้กฎหมายคือคำตอบของเรื่องนี้
นางคลินตันกล่าวโจมตีคู่แข่งที่กล่าวยกย่องประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย และพูดเรื่องที่นายทรัมป์เจออีเมลของเธอ
“ ดิฉันรู้สึกช็อกมากที่โดนัลด์เชิญประธานาธิบดีปูตินต่อหน้าสาธารณชนให้เข้ามาแฮ็กข้อมูลของสหรัฐฯนี่เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ โดนัลด์ไม่เหมาะสมจะเป็นผู้นำประเทศนี้ ”
การดีเบตครั้งนี้เป็นครั้งแรกจากทั้งหมด 3 ครั้งของผู้สมัครทั้งสองคน และประชาชนอเมริกันจะไปลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 8 พ.ย.