สหรัฐฯ เตือนจีนลดผลิตเหล็ก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาเร่งรัดให้จีนลดกำลังการผลิตเหล็กลงจากปริมาณเดิมที่สูงเกินไป ซึ่งทางสหรัฐฯ มองว่าเป็นการบิดเบือนตลาดการค้าเหล็กของโลก
นายแจ็ค หลิว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ในประเทศจีนก่อนที่จะมีการประชุมประจำปีระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนเพื่อพูดคุยกันเรื่องการค้าและความมั่นคง
ปัจจุบันจีนเป็นประเทศผู้ผลิตเหล็กในปริมาณมากที่สุดในโลก และถูกกล่าวหาว่าขายเหล็กในราคาที่ต่ำกว่าราคาในตลาดโลก
นายหลิวให้ความเห็นว่า การผลิตในปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลกระทบในทางเลวร้ายแก่เศรษฐกิจของจีนได้ โดยทางตัวแทนเจ้าหน้าที่รัฐบาลของสหรัฐฯ จะมีการประชุมกับทางการจีนในการประชุมประจำปีของการสนทนาทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐฯ – จีน ในวันที่ 6 – 7 มิ.ย.นี
โดยรัฐมนตรีหลิวให้ความเห็นว่า “ในที่สุดแล้ว การผลิตเหล็กในปริมาณที่เกินกำลังอาจส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของจีนเอง ซึ่งหมายความว่าจีนกำลังจัดสรรทรัพยากรอย่างหักโหม สุดท้ายแล้ว เพิ่อเป็นการเคลียร์ปริมาณการผลิต จีนก็จำต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าประเทศอื่นในตลาดโลก ”
เขาเน้นว่า ปริมาณการผลิตที่เกินกำลังไม่ได้กระทบต่อจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลกแต่เพียงประเทศเดียวเท่านั้น
เขากล่าวต่อไปว่า “คำถามที่ต้องการคำตอบคือ การผลิตสินค้าเกินกำลังเป็นหนึ่งในผลกระทบที่สำคัญมากต่อตลาดโลก เช่น เหล็กและอลูมิเนียม และเรากำลังมองเห็นการบิดเบือนกลไกตลาดโลกด้วยปริมาณการผลิตที่เกินกำลังนี่เอง”
บรรดาประเทศผู้ผลิตเหล็กในยุโรปต่างแสดงความกังวลเกี่ยวกับเหล็กนำเข้าราคาถูกจากจีนที่ล้นทะลักเข้ามาในตลาดโลก และส่งผลให้กลไกด้านราคาถูกทำลายลง
เมื่อต้นปีนี้ บริษัททาทา ผู้ผลิตเหล็กสัญชาติอินเดียได้ประกาศแผนขายกิจการโรงงานผลิตเหล็กที่ประสบภาวะขาดทุนในสหราชอาณาจักร ทำให้คนงานนับพันคนมีความเสี่ยงที่จะตกงาน โดยสาเหตุสำคัญคือ อุปทานเหล็กที่กำลังล้นตลาด และการนำเข้าเหล็กจากจีนที่มีราคาถูกกว่าและมีขีดความสามารถที่จะแข่งขันสูงในระยะยาวกับเหล็กที่ผลิตในสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรนำเข้าเหล็กจากจีนเพิ่มขึ้นจากเดิม 303,000 ตันในปี 2556 เป็น 687,000 ตันในปี 2557.