เสียมเรียบ มนต์เสน่ห์รกัมพูชา
หากจะกล่าวถึงเมืองโบราณในภูมิภาคอุษาคเนย์ หนึ่งในเมืองยิ่งใหญ่ซึ่งเลี่ยงจะกล่าวถึงไม่ได้คงจะต้องเป็นเมืองที่มีชื่อว่า “เสียมเรียบ” เมืองขอมโบราณที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งอารยธรรมอันเคยรุ่งเรืองในอดีต
ด้วยความงดงามทั้งทางด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม และ วีถีชีวิต ตลอดจนความเป็นมาอันทรงคุณค่าที่รวบรวมไว้อย่างครบครัน จึงนับได้ว่าเมืองเสียมเรียบแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญซึ่งไม่ควรพลาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเรียนรู้วัฒนธรรมระหว่างการเดินทางก็น่าจะประทับใจ “เสียมเรียบ” ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ปัจจุบัน เสียมเรียบเป็นที่รู้จักในนามจังหวัดแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา และด้วยความที่เป็นเมืองซึ่งรายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังหลายแห่ง ทำให้เสียมเรียบกลายเป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่แพ้เมืองหลวง เมืองศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างกรุงพนมเปญเลย โดยภายในเมืองเสียมเรียบจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรวบรวมอยู่หลายจุด อาทิเช่น
ปราสาทนครวัด
แน่นอนว่าสถานที่แห่งแรกซึ่งจะต้องกล่าวถึงนั้น ได้แก่ “ปราสาทนครวัด” หนึ่งสถานที่สำคัญในเขตเมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบ นอกจากชื่อเสียงอันโด่งดังระดับมรดกโลกแล้ว ปราสาทนครวัดแห่งนี้ยังมีความโดดเด่นในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของสถาปัตยกรรมที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของศิลปะแบบขอมโบราณ มีความยิ่งใหญ่อลังการ เพียงเฉพาะตัวปราสาทกลางนั้นมีความสูงกว่า 60 เมตร ยาว 100 เมตร และกว้างถึง 80 เมตร ทั้งยังรายล้อมไปด้วยปราสาทและสิ่งก่อสร้างน้อยใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 200,000 ตารางเมตรอย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งความโดดเด่นซึ่งน่าสนใจไม่แพ้ความงดงามและความยิ่งใหญ่ในสถาปัตยกรรมเลยก็คือ เรื่องของประวัติความเป็นมา ปราสาทนครวัดถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อเป็นที่สักการะบูชาต่อเหล่าทวยเทพที่เคารพ ครั้นต่อมาแม้ขอมจะถูกชาวจามบุกรุก จนต้องถอยร่นละจากแผ่นดินเดิมไป แต่ปราสาทนครวัดก็ยังทิ้งร่องรอยเค้าลางให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตอันเคยผ่านยุครุ่งเรื่องทางอารยธรรมอย่างน่าตระการตา และคงคุณค่าเป็นมรดกโลกสืบมาจนถึงปัจจุบัน
ปราสาทนครธม
สำหรับสถานที่ถัดมานับว่ามีความเกี่ยวข้องกับปราสาทนครวัดทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ ตลอดจนสถาปัตยกรรมการก่อสร้าง นั่นก็คือ “ปราสาทนครธม” ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองเสียมเรียบหรือตัวเมืองเสียมเรียบในปัจจุบัน ซึ่งเทียบได้กับเขตอำเภอเมืองของจังหวัด โดยมีตำแหน่งอยู่ทางทิศเหนือของปราสาทนครวัด และถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 7 เมื่อครั้งที่ต้องหลบลี้ภัยจากชาวจามที่เข้ามารุกรานประเทศ จึงนับได้ว่าปราสาทนครธมเป็นศูนย์กลางอันดับถัดมาของอาณาจักรขอม นับแต่ย้ายจากเมืองพระนครนั่นเอง อย่างไรก็ตามถึงแม้ปราสาทนครธมจะไม่ได้มีชื่อเสียงทัดเทียมกับปราสาทนครวัด แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ตระการตา ประกอบกับความวิจิตรบรรจงอันคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมแบบขอมโบราณ ก็ทำให้ปราสาทแห่งนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับประเทศและตลอดจนผู้คนในท้องถิ่นเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน อนึ่งด้วยความที่ตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมได้ไม่ยากนัก และมีสถานที่พักรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ค่อนข้างจะครบครัน ไม่ต่างจากเมืองหลวงใหญ่ ๆ เลย ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังมีโอกาสได้สัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่นไปพร้อมกันอีกด้วย
สำหรับการเดินทางไปชมมรดกโลกที่เมืองเสียมเรียบนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางแนวสะดวกด้วยการนั่งเครื่องบินโดยสารตรงจากกรุงเทพฯ มายังเมืองเสียมเรียบได้เลย ที่สนนราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับจะอยู่ที่ราคาราว ๆ 4,000 – 5,000 บาท และใช้เวลาในการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น หากเดินทางด้วยรถยนต์ออกจะทรหดมาก ยิ่งถ้ามีผู้ร่วมทริปเป็นเด็ก, ผู้สูงวัยและผู้ที่มีโรคประจำตัวก็จะไม่สะดวก หรือทางเป็นสายขาลุยกันทั้งกลุ่มก็สามารถเลือกเดินทางด้วยรถบัส ซึ่งมีให้บริการจากอรัญประเทศมาที่ด่านปอยเปต และตรงไปยังเสียมเรียบ กินระยะเวลาเดินทางประมาณ 6 – 9 ชั่วโมง
นอกจากนี้ บัตรเข้าชมวัดในเสียมเรียบมีให้เลือกทั้งแบบ 1 วัน ที่ราคา 20 เหรียญสหรัฐ หรือแบบเที่ยว 3 วัน ในราคาประมาณ 40 เหรียญสหรัฐ โดยไม่ต้องยื่นของวีซ่า เพียงแค่แสดงพาสปอร์ตก็พอ ที่สำคัญสภาพอากาศร้อนอบอ้าวและแดดแรงมาก จึงควรพกแว่นกันแดด, หมวก และครีมกันแดดติดไปด้วย ทั้งนี้วัดทุกแห่งที่เมืองเสียมเรียบจะเปิดให้บริการเข้าชมได้ตั้งแต่เวลาตี 5.30 น. จนถึง 17.30 น. ของทุกวัน
อย่างไรก็ดี นอกจากวัดเชิงประวัติศาสตร์สำคัญทั้ง 2 แห่งดังที่ได้แนะนำไว้ข้างต้นแล้ว เสียมเรียบยังเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าสนใจอีกมากที่เฝ้ารอให้นักท่องเที่ยวหมุนเวียนมาศึกษาและเยี่ยมชม ถึงแม้ในปัจจุบัน ถิ่นฐานบ้านเมืองภายในบริเวณจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างถนนหนทาง ที่พักร้านอาหาร สถานบริการ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัย แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงรักษาซึ่งมนต์เสน่ห์และบรรยากาศอันน่าหลงใหลไว้ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
หากนักท่องเที่ยววางแผนจะไปเยือนประเทศกัมพูชาในช่วงวันหยุด เมืองเสียมเรียบเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่จะไม่ทำให้ผิดหวัง และยังรับรองได้ว่าเมืองโบราณอันเต็มเปี่ยมไปด้วยอารยธรรมแห่งนี้จะต้องกลายเป็นอีกหนึ่งความทรงจำอันน่าประทับใจของผู้มาเยือนอย่างแน่นอน
โตนเลสาบ
สำหรับสถานที่สุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากการเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างมาสู่การสัมผัสวิถีชีวิตและธรรมชาติอันงดงามในเขตเมืองเสียมเรียบกันบ้าง ซึ่งคงจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากบริเวณทะเลสาบโตนเล หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลสาบเขมรนั่นเอง โตนเลนับเป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอุษาคเนย์ แม้ใจกลางจะอยู่ในช่วงตอนกลางของประเทศกัมพูชา แต่ก็มีขนาดใหญ่จนกินอาณาบริเวณไปถึงเมืองเสียมเรียบ ทั้งนี้นอกจากจะเป็นทะเลสาบซึ่งมีความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว โตนเลทะเลสาบยังเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวประมงในพื้นที่อย่างใกล้ชิดอีกด้วย ที่สำคัญนักท่องเที่ยวยังสามารถร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างการล่องเรือที่ได้มีจัดเตรียมไว้รองรับอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดที่มีโอกาสไปเยี่ยมชมเมืองเสียมเรียบ แต่ไม่ได้แวะชมบรรยากาศธรรมชาติอันงดงามบริเวณโดยรอบโตนเลทะเลสาบก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง