“เธอแอง” ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเท้า
การทำธุรกิจที่ดีคือการรู้จักวิธีในการต่อยอด โดยวัตถุดิบที่เลือกใช้บางครั้งอาจสามารถนำมาปรับประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับไอเดียความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละบุคคลที่จะมองเห็นช่องทางในการทำตลาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างไร
“เธอแอง” (TERAENG) เป็นแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากไอเดียความคิดที่ไม่หยุดนิ่งของ “ภัทรานิษฐ์ กุลพิเชษฐ์วณิช“ ซึ่งเล็งเห็นว่าวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการที่ถูกนำมาทำผลิตภัณฑ์ประเภทหนึ่งน่าจะสามารถต่อยอดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์อีกรูปแบบหนึ่งได้ ธุรกิจของตัวเธอจึงได้ “Startup” ขึ้น
จุดกำเนิดผลิตภัณฑ์
ภัทรานิษฐ์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท บ้านเธอแองกรุ๊ปส์ จำกัด บอกถึงจุดเริ่มต้นของที่มาที่ไปแห่งประกายไอเดียในการสร้างผลิตภัณฑ์แบรนด์ “เธอแอง” ว่า เกิดมาจากการทำเกลือขัดผิว ซึ่งทำให้ตัวเธอได้พบกับวัตถุดิบที่เป็นเกลือละเอียด โดยเป็นเกลือที่ได้มาจากการร่อนเกลือที่หยาบ ซึ่งตัวเธอได้กลับมาคิดว่าจะสามรรถทำอะไรกลับวัตถุดิบดังกล่าวนี้ได้บ้าง โดยที่ตัวเธอเองก็มีพื้นฐานความรู้ทางด้านสมุนไพร ดังนั้น จึงมองหาแนวทางที่จะปรับประยุกต์วัตถุดิบที่เป็นเกลือละเอียดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการตกผลึกทางความคิดก็คือสมุนไพรสปาเท้า ที่ตัวเธอต้องการให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้แล้วเห็นผลลัพธ์อย่างแท้จริง ทำให้เท้านุ่มชุ่มชื้น ลดความหยาบกร้าน และทำให้ผ่อนคลาย เนื่องจากโดยส่วนใหญ่แล้วผลิตภัณฑ์เกลือที่ใช้ในร้านให้บริการสปาจะทำให้เท้าเหี่ยว เพราะเกลือจะดูดความชื้นออกจากเท้า ตัวเธอจึงพยายามคิดค้นสูตร เพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์อย่างที่ต้องการ
สำหรับส่วนผสมที่ทำให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ต้องการมาจากการนำเกลือ 3 ประเภท ได้แก่ เกลือหิมาลัย ,ดีเกลือ และดอกเกลือ มาผสมผสานเข้ากับน้ำมัน 3 ชนิดได้แก่ น้ำมันรำข้าว ,น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันมะกอก ซึ่งทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณผ่อนคลายท้า บำรุงผิว และบำรุงเล็บเท้า แบรนด์ “เธอแอง” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีความหมายว่า “ทำเอง”
ต่อยอดผลิตภัณฑ์เพิ่มฐานลูกค้า
ภัทรานิษฐ์ บอกต่อไปอีกว่า ช่องทางในการทำตลาดของ เธอแอง มุ่งเน้นอยู่บนช่องทางออนไลน์ผ่านเพจเฟสบุ๊ก และไลน์ อีกทั้งยังมีกลุ่มคนทำงานที่ใช้ผลิตภัณพ์แล้วชอบ ซื้อไปจำหน่ายต่อ รวมถึงร้านเสริมสวย และร้านสปาที่ซื้อไปให้ลูกค้าได้ใช้บริการ โดยมีหน้าร้านที่ให้ลูกค้าได้ทดลองผลิตภัณฑ์ แต่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
สำหรับกลยุท์ในการทำตลาดปีนี้ จะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้า ด้วยการต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่การทำผลิตภัณฑ์สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า ซึ่งมีสรรพคุณในการทำให้เท้านุ่มด้วย และครีมบำรุงเท้า ซึ่งบริษัทได้ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) โดยมุ่งหวังให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเพิ่มเติม เพื่อทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้น
ช่องทางการจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้น จะเน้นจำหน่ายที่ร้านขายยาเป็นหลัก เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเท้า ซึ่งเภสัชกรประจำร้านขายยาจะเป็นผู้ที่ช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้กับลูกค้าได้ โดยล่าสุดได้มีการเจรจาทางธุรกิจเพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่ายแล้วมากกว่า 1,000 ร้านทั่วประเทศ อีกทั้งยังจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเพจเฟสบุ๊ก และไลน์
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทได้รับการคัดเลือกให้ไปออกงานแสดงสินค้าที่ประเทศฮ่องกงเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ค้าจากต่างประเทศรายใหญ่ให้ความสนใจต้องการนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายยังประเทศของตนเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการขยายโรงงานผลิต เพื่อรองรับการทำตลาดในรูปแบบของการส่งออก ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้น่าจะสามารถทำตลาดส่งออกได้อย่างเป็นรูปธรรม
“เวลานี้ตนได้เข้าร่วมอบรมโครงการเพื่อการส่งออกกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในการทำตลาดต่างประเทศ โดยมุ่งหวังที่จะนำมาปรับใช้กับธุรกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนได้มากขึ้นในการทำตลาดต่างประเทศ จากเดิมที่ไม่ค่อยมีพื้นฐานความรู้ด้านดังกล่าวนี้เท่าใดนัก”
จริงใจต่อลูกค้า
ภัทรานิษฐ์ บอกอีกว่า จากกลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าวในปีนี้ของบริษัท เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ประมาณ 5 ล้านบาท จากเดิมที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นช่วงรอยต่อของการทำธุรกิจ บริษัทมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึงหลักแสนบาท
“จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ เธอแอง อยู่ที่การเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบซึ่งมาจากธรรมชาติเป็นหลัก ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ปลอดภัยในการใช้งาน ที่สำคัญสามารถใช้กับเด็กได้ทุกผลิตภัณฑ์ ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น มองว่าอยู่ที่ความจริงใจที่บริษัทมอบให้กับลูกค้า โดยการให้ข้อมูลทุกอย่างของผลิตภัณฑ์อย่างตรงไปตรงไป ไม่มีการโฆษณาเกินจริง อีกทั้งยังเป็นเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และการมีโรงงานที่สามารถควบคุมคุณภาพในการผลิตได้ด้วยตนเอง”