“ชิมช้อปใช้” ขึ้นที่1แฮชแท็กทวิตเตอร์
“ชิมช้อปใช้” แรงไม่หยุด ติดแฮชแท็กทวิตเตอร์ “อันดับ 1” ส่วน “เฟส 2” ประชาชนแห่ลงทะเบียนคึกคัก ด้านคลังจ่อเปิดรับร้านค้าเข้าร่วมโครงการ 1 พ.ย.นี้ เผยยอดใช้จ่ายโอนถึงร้านค้าพุ่งกว่า 9,000 ล้านบาท โดย“ร้านช้อป” นำโด่ง 5,000 ล้านบาทเศษ ส่วนร้านค้าทั่วไปเก็บได้ช่วงแรกที่ 2,561.1 ล้านบาท ด้าน “ธนกร” สวนฝ่ายค้าน มั่นใจ “ชิมช้อปใช้” เวิร์กสุด กระตุ้นเศรษฐกิจได้ชัวร์
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผช.รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวถึงมาตรการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 ที่เปิดให้ลงทะเบียนมาแล้วเป็นวันที่ 2 ว่า ช่วงเย็นของวันนี้ (25 ต.ค.) การลงทะเบียนก็น่าจะเต็มจำนวนอย่างรวดเร็วไม่ต่างกัน วันแรก และช่วงเช้าของวันนี้ โดยขณะนี้ มีผู้ประกอบการร้านค้า ทั้งรายใหญ่และรายย่อยจำนวนมาก ได้สอบถามเรื่องการสมัครร้านค้าเข้าร่วมมาตรการฯ ในเฟส 2 ว่ามีเงื่อนไขเปลี่ยนไปอย่างไร และสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้เมื่อไร หลังจากกรมบัญชีกลางปิดการรับสมัครร้านค้าเข้าร่วมในเฟส 1 ไปแล้วก่อนหน้านี้
“ขอแจ้งผ่านไปยังผู้ประกอบการร้านค้าว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบและหลักเกณฑ์การรับสมัครใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยพร้อมที่จะเปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ย.นี้” นายชาญกฤช ระบุและว่า
หากผู้ประกอบการรายใดมีความพร้อมในการสมัครเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้ที่กรมบัญชีกลางแต่ละจังหวัด ซึ่งจะเป็นการรับใบสมัครไว้ก่อน แล้วจะทำการบันทึกลงระบบในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่าในเฟส 2 จะมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมอีกเป็นจำนวนมาก เพราะมีการเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการประเภทที่พัก โรงแรม รีสอร์ท รถเช่า เรือเช่า บริษัททัวร์ ที่เป็นรูปแบบบริษัทในเครือเดียวกันแต่มีสาขาอยู่ในหลายจังหวัด ก็สามารถเข้าร่วมได้ทุกจังหวัด จากเดิมที่กำหนดให้เลือกได้เพียงแค่จังหวัดเดียวเท่านั้น ที่สำคัญร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อยพอใจโครงการชิมช้อปใช้เฟส 1 มาก เนื่องจากสามารถเพิ่มยอดขายได้ 30-100% และไม่มีการตามเก็บภาษีเงินได้อย่างที่กังวลกัน ซึ่งจะขยายระยะเวลาการลงทะเบียนร้านค้าไปจนถึง 31 ธ.ค.นี้
ล่าสุดกรมบัญชีกลางได้โอนเงินค่าสินค้าและบริการให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมในเฟสแรกแล้ว เป็นเงินรวม 9,006.1 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินจากกระเป๋าที่ 1 จำนวน 8,800 ล้านบาท และจากกระเป๋าที่ 2 จำนวน 206.1 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านชิม 1,313.4 ล้านบาท ร้านช้อป 5,007.5 ล้านบาท และร้านใช้ 124 ล้านบาท ส่วนร้านค้าทั่วไป จำนวน 2,561.1 ล้านบาท
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ นายพิชัย นริพทะพันธ์ พรรคเพื่อไทย โจมตีมาตรการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 ว่า ไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่เป็นการแจกเงิน ส่วนตัวเชื่อว่า สังคมต้องทำความเข้าใจกับนายพิชัยก่อนว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมามีหลายมาตรการ และมาตรการนี้ก็เป็นมาตรการหนึ่งเท่านั้น โดยเป็นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐที่ประเมินสถานการณ์และเตรียมการรับมือเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง จึงมีการวางแผนและออกแบบมาตรการพยุงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที ด้วยการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ผ่านการให้แรงจูงใจ ดึงผู้มีกำลังซื้อออกมาใช้จ่ายในพื้นที่ต่างๆ เกิดความคึกคักในการจับจ่าย กระจายเม็ดเงินไปยังเศรษฐกิจฐานราก และการจ้างงานต่อเนื่อง ไม่เพียงใช้แล้วหมดไป ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณในการสร้างแรงจูงใจจะคุ้มค่าเพราะก่อให้เกิด Multiplier Effect จากการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเศรษฐกิจไทยโดยในช่วงที่ผ่านมา.