ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบ 61
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า “ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560 – เมษายน 2561)
รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 1,293,908 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 60,598 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9 โดยมีสาเหตุจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น สูงกว่าประมาณการ 30,444 และ 23,133 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.8 และ 21.5 ตามลำดับ ทั้งนี้ ภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษียาสูบ และภาษีเงินได้นิติบุคคล
นางสาวกุลยาฯ กล่าวโดยสรุปว่า “ในช่วงที่ผ่านมาการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิยังเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังประเมินไว้ สำหรับในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ กระทรวงการคลังจะกำกับดูแลให้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”
ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560 – เมษายน 2561) และเดือนเมษายน 2561
1. ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560 – เมษายน 2561)
รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,293,908 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 60,598 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 4.9) โดยการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น สูงกว่าประมาณการ 30,444 และ 23,133 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.8 และ 21.5 ตามลำดับ
ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้
1.1 กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้รวม 899,477 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 6,554 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.7) เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 14,201 และ 1,958 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.0 (แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.9) และร้อยละ 1.0 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.1) ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 5,947 ล้านบาท หรือร้อยละ 283.2 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 324.9) เนื่องจากมีการชำระภาษีเงินได้ปิโตรเลียมย้อนหลัง และผลประกอบการของบริษัทขุดเจาะน้ำมันปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 4,524 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.3 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.8) เนื่องจากภาษีจากกำไรสุทธิ (ภ.ง.ด. 50) ของกลุ่มบริษัทที่มีรอบระยะเวลาบัญชีเป็นปีงบประมาณ และภาษีหัก ณ ที่จ่ายภาคเอกชน (ภ.ง.ด. 53) ขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้
1.2 กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้รวม 322,132 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 2,289 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 1.1) โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีน้ำมันฯ ภาษีเบียร์ และภาษีสุราฯ จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 7,388 4,341 และ 2,001 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.9 9.3 และ 5.5 ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณน้ำมัน เบียร์ และสุราที่ชำระภาษีต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ อย่างไรก็ดี ภาษียาสูบและภาษีรถยนต์ จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 4,676 และ 4,008 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.7 และ 6.5 ตามลำดับ เนื่องจากภาระภาษีต่อซองของยาสูบหลังจากพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ สูงกว่าที่ประมาณการไว้ และปริมาณรถยนต์ที่ชำระภาษีขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ที่ยังขยายตัวได้ดี
1.3 กรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวม 63,330 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 2,070 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.2 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.8) โดยเป็นผลจากการจัดเก็บอากรขาเข้าต่ำกว่าประมาณการจำนวน 2,343 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.7 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 7.0) เนื่องจากการนำเข้าสินค้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางภาษีมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้การจัดเก็บอากรขาเข้าไม่ขยายตัวตามที่ประมาณการไว้ ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ และในรูปเงินบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ขยายตัวร้อยละ 15.4 และ 6.4 ตามลำดับ สินค้าที่จัดเก็บอากรขาเข้าในช่วง 6 เดือนแรกได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) ยานบกและส่วนประกอบ (2) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ (3) เครื่องจักรและเครื่องใช้กล (4) ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม และ (5) พลาสติกและสินค้าจากพลาสติก
1.4 รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 113,239 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 30,444 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.8 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 17.6) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำส่งรายได้ของธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์เร็วกว่าที่ประมาณการไว้ (ประมาณการว่าจะนำส่งในเดือนพฤษภาคม 2561) การนำส่งเงินปันผลของ บมจ. ปตท. และ บมจ. ท่าอากาศยานไทยที่สูงกว่าประมาณการเนื่องจากผลประกอบการขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้ และจำนวนสลากกินแบ่งรัฐบาลที่พิมพ์สูงกว่าประมาณการ ทำให้การนำส่งรายได้ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสูงกว่าที่ประมาณการไว้
1.5 หน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 130,543 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 23,133 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.5 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 19.5) เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้
• การรับรู้ส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตร (Premium) เป็นรายได้แผ่นดิน
• การส่งคืนเงินกันชดเชยให้แก่ผู้ส่งออกเป็นรายได้แผ่นดินสูงกว่าประมาณการ
• การนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคมย่าน 1800 MHz (ใบอนุญาต 4G) ที่สูงกว่าประมาณการ
• การนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคมย่าน 900 MHz บางส่วนเร็วกว่าที่ประมาณการไว้
สำหรับกรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้รวม 5,509 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 424 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.3 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.9) โดยรายได้ด้านที่ราชพัสดุจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ
1.6 การคืนภาษีของกรมสรรพากร จำนวน 173,002 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 16,899 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.9 ประกอบด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 129,549 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 21,051 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.0 และการคืนภาษีอื่น ๆ (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์) จำนวน 43,453 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 4,152 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.6
1.7 อากรถอนคืนกรมศุลกากร จำนวน 8,636 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,636 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.9
1.8 การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 9,564 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 882 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.4
1.9 เงินกันชดเชยภาษีสำหรับสินค้าส่งออก จำนวน 6,474 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 3,566 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.5 เป็นผลจากการปรับลดอัตราเงินกันชดเชยภาษีสำหรับสินค้าส่งออกจากร้อยละ 0.75 เป็นร้อยละ 0.5 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นมา
1.10 การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ งวดที่ 1 – 4 จำนวน 37,137 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 777 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.1
2. เดือนเมษายน 2561
รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 218,126 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 21,717 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.1 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 17.9) เนื่องจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ สูงกว่าประมาณการ 20,276 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.7 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 70.1) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำส่งรายได้ของธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์เร็วขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้ (ประมาณการว่าจะนำส่งในเดือนพฤษภาคม 2561) และการนำส่งเงินปันผลของ บมจ. ปตท. สูงกว่าที่ประมาณการไว้ เป็นสำคัญ ประกอบกับการจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่นสูงกว่าประมาณการ 6,391 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.9
(สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 42.6) เนื่องจากมีการนำส่งรายได้จากประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคมย่าน 900 MHz บางส่วนเร็วกว่าที่ประมาณการไว้ นอกจากนี้ ภาษียาสูบจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,096 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.7 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 37.0)