“เรือนงาม”หัวน้ำซุปต้มยำน้ำข้นอร่อยไม่ต้องปรุงเพิ่ม
ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง พร้อมมุ่งหน้าเข้าสู่ความท้าทายใหม่ๆ กับโอกาสที่เปิดกว้างคือสิ่งสำคัญขอการทำธุรกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะการนำเสนอสิ่งที่สะดวกสบาย เพื่อเติมเต็ม และตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ที่เวลามีค่ามากกว่าสิ่งใด
“นริศรา หัสดาวัน” หญิงสาวผู้กล้าที่จะออกนอกกรอบ และพยายามค้นหานวัตกรรมสิ่งใหม่มาผสมผสานให้กับผลิตภัณฑ์เดิมของเธอ ซึ่งเป็นที่สุดอยู่แล้ว ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นจากเดิมได้ จนสามารถต่อยอดธุรกิจพร้อม Startup ธุรกิจใหม่เพิ่มเติมขึ้นมาภายใต้แบรนด์ “เรือนงาม”
-จุดเริ่มต้นไอเดีย
นริศรา ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท เอช-เดอะวิน จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นไอเดียในการทำธุรกิจแบรนด์ “เรือนงาม” ว่า เดิมทีตัวเธอเองทำธุรกิจเกี่ยวกับการเปิดร้านขายอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวแบรนด์ “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่กระฉูด” โดยเปิดให้บริการบนทำเลตลาดนัดต่างๆ มีจุดเด่นที่การเป็นก๋วยเตี๋ยวที่เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำต้มยำน้ำข้นแท้ๆ ไม่ใช่แบบที่ใส่ถั่วป่น หรือบีบมะนาวลงไป อีกทั้งยังมีเส้นให้เลือกที่แตกต่างจากร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ประกอบไปด้วย เส้นพลาสต้า, วุ้นเส้น, มาม่า, พลาสต้าหมึกดำ, เซี่ยงไฮ้, ต็อกโปกี, บะหมี่ผัก, โซบะ, เส้นแก้ว และอุด้ง โดยจะไม่มีเส้นหมี่ เส้นใหญ่ เส้นเล็กเหมือนที่บริการในร้านก๋วยเตี๋ยวอื่น
ขณะที่ในส่วนหน้าต้มยำก็จะมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าทะเลรวม, กุ้ง, ไก่ทอด, หมูทอด, ลูกเงาะ และหมูสาหร่าย เป็นต้น โดยเสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ยางมะตูม ที่ช่วยตัดรสชาติความเปรี้ยวเผ็ดของน้ำซุปได้อย่าลงตัว จนมาวันหนึ่งก็มีลูกค้าจากต่างประเทศทั้งชาวเซี่ยงไฮ้, ไต้หวัน และสิงคโปร์มาขอซื้อก๋วยเตี๋ยวแบบเป็นเซ็ทเพื่อนำกลับไปรับประทานที่บ้าน แค่ทีเด็ดสำคัญของร้านอยู่ที่น้ำซุป ซึ่งในระยะเวลาต่อมาก็เริ่มมีลูกค้ามาขอซื้อเฉพาะน้ำซุปเพื่อนำกลับไปทำเป็นกับข้าว โดยการเติมเนื้อสัตว์ หรือผักเพื่อรับประทานเองที่บ้าน
“เมื่อความต้องการน้ำซุปต้มยำน้ำข้นเริ่มมีมากขึ้น ตนจึงมีไอเดียในการทำเป็นหัวน้ำซุปเพื่อให้ผู้ซื้อนำกลับไปละลายน้ำที่บ้าน เพื่อทำกับข้าว หรือทำเป็นก๋วยเตี๋ยวรับประทานเองที่บ้านจำหน่าย โดยคงคอนเซ็ปป์ของน้ำซุปที่เปรี้ยว กลมกล่อม อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่มเอาไว้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างท่วมท้น”
–จากก๋วยเตี๋ยวสู่ธุรกิจน้ำซุป
อย่างไรก็ตาม เมื่อทำมาได้สักระยะหนึ่งก็มีผู้ที่เข้ามาแนะนำกับตนว่า ทำน้ำซุปจำหน่ายมาขนาดนี้แล้ว น่าจะทำให้เป็นแบบมีการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ให้มีมาตรฐานเพื่อหวังผลไปสู่การเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกได้ ตนจึงเกิดประกายไอเดียในการต่อยอดธุรกิจขึ้น และเริ่มศึกษาถึงแนวทางความเป็นไปได้ จนได้พบกับเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งรับจ้างทำผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออกเป็นส่วนใหญ่ถึง 90% ให้คำปรึกษา และหารือกันจนถึงขั้นตอนของการทดลองทำผลิตภัณฑ์ ว่าเมื่อทำแล้วรสชาติจะผิดเพี๊ยนไปจากเดิมหรือไม่ โดยนำมาผ่านกระบวนการสเตอริไลส์ (Sterilization) ซึ่งเป็นการฆ่าเชื้อโดยใช้ความร้อนเพื่อทำลายจุลินทรีย์
ผลจากการทดลงปรากฏว่าเพียงแค่ครั้งแรกเท่านั้น ก็ได้ผลิตภัณฑ์ตามที่ตนต้องการ โดยที่รสชาติความอร่อยกลมกล่อมของน้ำซุปต้มยำน้ำข้นทุกอย่างยังอยู่ครบถ้วน พร้อมเดินเครื่องสั่งผลิตได้ทันที ซึ่งเพียงแค่นำเสนอออกสู่ตลาดเพื่อจำหน่ายในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ผลิตภัณฑ์หัวน้ำซุปต้มยำน้ำข้นภายใต้แบรนด์ “เรือนงาม” ก็เป็นที่ยอมรับ และสามารถเจาะตลาดเข้าไปวางจำหน่ายที่ห้างสรรสินค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น ห้างเดอะมอลล์ (The Mall), เอ็มโพรเรียม (Emporium), เอ็มควอเทียร์ (EmQuartier), สยามพารากอน และร้านจำหน่ายของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ร้านคุณแม่จู้ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก
“นอกจากช่องทางของออฟไลน์ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ เรือนงาม ยังมีจำหน่ายในช่องทางของออนไลน์ด้วยบนเพจเฟสบุ๊ก (Facebook : https://web.facebook.com/ruenngamtomyum)”
นอกจากนี้ กำลังเตรีบยมที่จะนำผลิตภัณฑ์เข้าวางจำหน่ายที่ห้างแมคแวลู่ (MaxValu Supermarket), ห้างวิลล่า มาร์เก็ต (Villa Market), ร้านโกลเด้นเพลส (Gold Place), ห้างเทอร์มินอล21 (Terminal21) และฟู๊ดฮับ (FOOD hub) นอกจากนี้ กำลังดำเนินการเรื่องการทำตลาดต่างประเทศไปยังประเทศจีน แต่ไม่ได้เป็นการทำตลาดทั้งประเทศ จะแยกเป็นมณฑลไป เพราะแต่ละมณฑลจะมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารรสชาติเผ็ดที่แตกต่างกัน โดยขั้นตอนปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงเรื่องของราคา และการทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์
“ในกลุ่มประเทศแถบยุโรปเองก็มีพาร์ทเนอร์ (partner) หรือหุ้นส่วนทางธุรกิจนำผลิตภัณฑ์เข้าไปทดลองทำตลาดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศนอร์เวย์, สวีเดน, เยอรมัน และฝรั่งเศส เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทก็กำลังจะออกบูธแสดงสินค้าในงานไทยเฟล็ก (Thaiflex) ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่รู้จักของลูกค้าคนไทย และต่างประเทศมากยิ่งขึ้น”
–เดินหน้าต่อยอดธุรกิจ
นริศรา บอกต่อไปอีกว่า บริษัทกำลังต่อยอดธุรกิจไปสู่การทำน้ำซอสสำหรับปรุงอาหารประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นซอสผัด, เครื่องปรุงรสประเภทแกงทั้งแกงเขียวหวาน แกงส้ม, น้ำยำ และต้มยำน้ำใส โดยทุกผลิตภัณฑ์อยู่ในขั้นตอนของการของการรับรองมาตรฐานจาก อย. ซึ่งคาดว่าน่าจะทยอยออกมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่องภายในปีนี้ และปีหน้า อีกทั้ง ยังดำเนินการเรื่องการทำน้ำจิ้มแจ่วเพื่อจำหน่ายให้กับร้านขายอาหารอีสานทั่วไป ที่ไม่ต้องการเสียเวลาในการทำน้ำจิ้ม เพื่อนำมาเป็นน้ำจิ้มคอหมูย่าง หรือจิ้มจุ่ม เป็นต้น
“การดำเนินการต่อยอดธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวมีไอเดียมาจากความต้องการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ทำอาหารประเภทต่างๆ พร้อมทั้งช่วยแก้ปัญหาให้กับร้านอาหารที่พ่อครัว หรือแม่ครัวมักจะถูกซื้อตัวกันบ่อยครั้ง จนรสชาจิอาหารไม่คงที่ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ จากกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้ประมาณ 10-15 ล้านบาทในปี 61”
นริศรา บอกอีกว่า หลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของเธออยู่ที่ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และกับตนเอง เมื่อเราประชาสัมพันธ์ว่าผลิตภัณฑ์ของเราดี ก็ต้องดีจริงตามนั้นให้เป็นไปตามที่ประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้การทำธุรกิจยุคใหม่จะต้องใช้ความอดทน ใช้เพียงความใจรักอย่างเดียวคงไม่พอ นอกจากนี้ยังต้องมีความกล้าที่จะก้าวเข้าหาโอกาส แม้ว่าอาจจะต้องล้มบ้าง แต่ก็ต้องมีความพยายามที่จะทำให้สำเร็จ.