จีนขึ้นภาษีโต้สหรัฐฯ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. จีนระบุว่าจะขึ้นภาษีรอบใหม่มูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 2.31 ล้านล้านบาท ) กับสินค้าสหรัฐฯ และกลับมาเก็บภาษีกับรถยนต์อเมริกันอีก
สภารัฐกิจของจีนระบุว่า ได้ตัดสินใจที่จะขึ้นภาษีจากอัตรา 5% เป็น 10% มูลค่า 75.000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีกำหนดเริ่มจัดเก็บเป็น 2 รอบ คือวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. ซึ่งตรงกับกำหนดการในการขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ จีนจะขึ้นภาษี 25% กับรถยนต์สหรัฐฯ และ 5% กับอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา จีนชะลอมาตรการภาษีนี้ไว้ในเดือนเม.ย. โดยตลาดหุ้นและพันธบัตรปรับลดลงทันทีหลังคำประกาศนี้
ภาษีโต้ตอบจากจีนมีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ทรัมป์ยุติการพักรบสงครามการค้าด้วยการประกาศขึ้นภาษีอัตรา 10% กับสินค้าจีนมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯโดยบางส่วนถูกชะลอภาษีไว้จนถึงเดือนธ.ค.เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการช้อปสินค้าช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส และบางสินค้าก็ถูกถอดออกจากรายชื่อ
“ จากมาตรการของสหรัฐฯ จีนถูกบีบให้มีมาตรการโต้กลับ” สภารัฐกิจของจีนระบุในแถลงการณ์ “ทางฝั่งจีนหวังว่าสหรัฐฯจะทำตามมติเอกฉันท์ของการประชุมโอซาก้า กลับสู่ทิศทางที่ถูกต้องของการปรึกษาหารือและแก้ไขความแตกต่าง และทำงานหนักร่วมกับจีนเพื่อบรรลุเป้าหมายของการยุติความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้า”
ทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ตัดสินใจพักรบทางการค้าในระหว่างประชุมกับ กลุ่มประเทศ G-20 ในเดือนส.ค.ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ผู้แทนการค้่าของทั้งสองฝ่ายมีการพูดคุยกันในเซี่ยงไฮ้เมื่อเดือนก.ค.และมีกำหนดจะเจรจากันใหม่อีกครั้งในเดือนก..ย.ที่วอชิงตัน
สงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจลากยาวมานานกว่าหนึ่งปีครึ่ง โดยการซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯของจีนเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ทรัมป์อ้างว่า จีนไม่ปฏิบัติตามที่ผู้นำจีนสัญญาว่าจะกลับมาซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯให้มากขึ้น
ขณะที่ปีเตอร์ นาวาโร ที่ปรึกษาการค้าของทำเนียบขาวระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ยังคงมี ประเด็นสำคัญอีกมากที่สหรัฐฯ จำเป็นต้องแก้ไขก่อนที่จะบรรลุข้อตกลง ประเด็นเหล่านี้รวมถึงการบุกรุกทางไซเบอร์เข้ามาในโครงข่ายธุรกิจสหรัฐฯ บังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และการแทรกแซงค่าเงิน