เพชรบุรี : เพชรแห่งการท่องเที่ยวไทย
จังหวัดอะไรเอ่ย อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ เท่าไหร่ แต่ไปเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ? คำตอบที่ได้อาจมีมากมายหลายตัวเลือก ขึ้นอยู่กับว่า รสนิยมการเที่ยวของใครของมัน แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่า หนึ่งในคำตอบที่ตรงใจหลายๆ คน คงต้องเป็นเพชรบุรี พูดถึงจังหวัดนี้ทีไร หลายคนนึกออกแต่ “ขนมหม้อแกง” กับต้นตาลที่ว่ากันว่ามีมากที่สุดในประเทศ รสชาดขนมเมือง
เพชรหวานมันเข้มข้นเพียงไรนั้น คิดว่า 9 ใน 10 คน ต้องเคยลองลิ้มมาแล้ว แต่ที่อยากจะขยายความต่อ ก็คง เป็นผลิตภัณฑ์อร่อยๆ ที่ได้จากต้นตาล ซึ่งมีมากมายหลายตำรับทั้งหวานคาว บ่งบอกถึงความเป็นผู้ช่ำชองในการรีดเค้นความ อร่อยจากต้นตาลของคนเพชรได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น อาหารพื้นเมืองเพชร ที่มีมาตั้งสมัยโบร่ำโบราณ อย่าง แกงหัวตาล (แกงกะทิรสชาดเผ็ดร้อน ปรุงจากลูกตาลตาลอ่อน) ลูกตาลโตนดทอด ไปจนถึงข้าวเหนียวลูกตาล (คล้ายๆ ข้าวเหนียวมะม่วง แต่แทนด้วยลูกตาลเชื่อมราด กะทิ โรยมะพร้าวขูด และน้ำตาลงาดำคั่ว)
เมืองเพชรนั้นเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนค่อนข้างมีฐานะกว่าในหลายๆ จังหวัด ยืนยันได้จากตัวเลขรายได้มวลรวมต่อประชากร ซึ่งอยู่ราว 120,000 บาทต่อคนต่อปี รายได้หลักของจังหวัดนั้นมาจากธุรกิจทางการท่องเที่ยว และผลิตผลทางการเกษตรสารพัดชนิด เรารู้กันมานมนานว่าเมืองเพชรนั้นเป็นเมืองขนมหวาน แต่น้อยคนจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเพชรบุรีเป็นเมืองหวานซ่อนเปรี้ยว เพราะผลผลิตมะนาวกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของไทยเป็นผลิตผลของที่นี่
ส่วนศักยภาพเชิงท่องเที่ยวก็มีไม่น้อย เพราะมีภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์หลากหลาย ว่ากันตั้งแต่เถื่อนถ้ำ ท้องทะเล ป่าไม้ ภูเขา ไปจนถึง ทะเลโคลน (ริมปากอ่าวบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม) แหล่งท่องเที่ยวริมชายทะเลเมืองเพชร แต่ที่อยากแนะนำให้ไปเดินซอกแซกเที่ยวกันในช่วงวันหยุด ก็คงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมอันยั่งยืนซึ่งลูกหลานชาวเพชรยังรักษาไว้ได้อย่างงดงามมาจวบจนปัจจุบัน ยังผลให้ที่นี่ยังคงอุดมไปด้วยวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาอยู่มากมายแทบจะกำแพงชนกำแพง เป็นโบราณสถานที่ยังมีลมหายใจในท่ามกลางพลังศรัทธาของชาวบ้านชาวเมือง
ทุกครั้งที่เดินทางมาถึงเมืองเพชร ไม่ว่าจะแค่วิ่งรถผ่าน หรือตั้งใจจะมาเยือน สัญลักษณ์ประจำเมืองที่เห็นเด่นชัดที่สุดได้แก่ พระนครคีรี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเขาวัง ชื่อหลังเกิดจากการที่ชาวบ้านรับรู้กันมา ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ว่าพระองค์ท่านโปรดที่จะสร้างพระราชวังขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ แม้จะทรงพระราชทานนาม ให้สถานที่ แห่งนี้เสียใหม่ว่าพระนครคีรี แต่ชาวบ้านกลับเรียกกันจนชินปากว่าเขา (พระราช) วังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ที่ตั้งของเขาวังนั้นลงตัวอย่างยิ่ง เพราะเป็นยอดเขาสามลูกกลางใจเมือง ยอดทั้งสามของเขาวังประกอบไปด้วย ยอดทางด้านตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว เฉกเดียวกับวัดพระแก้วที่เคียงพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ ต่ำลงมา ตรงลาดไหล่เขายอดตะวันออกนี้ อย่าลืมแวะชมวัดมหาสมนาราม ปูชนียสถานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 งดงามด้วยภาพจิตรกรรม ฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกยอดฝีมือด้านจิตรกรรมซึ่งเป็นคนบางจาน ลูกเมืองเพชรฯ แท้ๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้ง ปวง ส่วนยอดกลางที่น่าชม และลมตึงมากที่สุด เป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุจอมเพชร ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน เราสามารถปีนป่ายขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวจากจุดนี้ได้กว้างไกลสุดสายตา สายลมเย็นๆ บนจุดที่สูงที่สุดของเขาวังจะช่วยให้ หายเหนื่อยจากการป่ายปีนได้ชะงัดจริงๆ
ยอดเขาสุดท้ายเป็นยอดเขาด้านทิศตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท และหมู่อาคารต่างๆ ตาม แบบแผนของพระราชวัง สวยงามคลาสสิคจนเคลิ้มไปว่าได้ย้อนกลับไปในยุคสมัยโบราณชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว แม้ว่าปัจจุบัน ทางเลือกในการขึ้นชมยอดเขาวังจะมีรถรางไฟฟ้าที่รวดเร็วทันใจไว้บริการด้วย แต่เสน่ห์ของการชมเขาวังน่าจะอยู่ที่การหอบ เหนื่อยนิดๆ การหลบหลีกเจ้าลิงแสมจอมซนที่หอบลูกจูงหลานมาขอผลไม้ และการหยุดเก็บดอกลั่นทมกลีบนุ่มตามรายทางเพื่อ จะป่ายปีนไปถึงยอดทั้งสามแล้วค่อยๆ ละเลียดชมอย่างไม่เร่งรีบ แค่เขาวังแห่งเดียวรับรองเที่ยวกันได้เกือบครึ่งค่อนวัน (ในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกลั่นทมกำลังบานสะพรั่ง และตรงกับงานประจำปีพระนครคีรี-เมืองเพชร การหาโอกาสขึ้นเขาไปชมวิวเมืองเพชรบุรียามค่ำ นับเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง)
ลงจากเขาวังไปไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองที่วัดมหาธาตุวรวิหารกันต่อเลย ถ้าอยากได้อารมณ์คนแถวนั้นจริงๆ ให้โบก รถกะป๊อ หรือรถปิ๊กอัพญี่ปุ่นคันเล็กๆ ใส่โครงหลังคา อยากไปไหนบอกโชเฟอร์ได้เลย ราคากันเองไม่โหดมาก แต่พี่แกอาจ จะอ้อมไปอ้อมมาตามสะดวกหน่อย นั่งกะป๊อไปลงที่วัดพระธาตุฯ ถ้าท้องหิวขึ้นมาพอดีขอแนะนำให้แวะทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อ แถวข้างวัด อร่อยสุดๆ น้ำซุปน่าซด เนื้อนุ่มกำลังดี พูดแล้วน้ำลายสอขึ้นมาเลย ของเค้าถึงน้ำถึงเนื้อจริงๆ พออิ่มท้องสบายตัว ดีแล้ว จะได้เดินเข้าวัดไหว้พระให้อิ่มบุญกันต่อเลย
จุดเด่นของวัดมหาธาตุฯ คือปรางค์ห้ายอดสีขาวสะดุดตา และลวดลายปูนปั้นตามพระอุโบสถวิหารหลวงอันอ่อนช้อย วิจิตรบรรจง โชว์ฝีมือของช่างสกุลเมืองเพชรที่งามถึงลือ เหตุที่ช่างต้องฝากฝีมือกันจนหยดสุดท้าย เป็นเพราะภายในวิหารมี
หลวงพ่อ ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคือพระพุทธรูปหลวงพ่อวัดมหาธาตุ หลวงพ่อบ้านแหลม และหลวงพ่อวัดเขาตะเครา ที่ลูกหลาน เมืองเพชรสักการบูชาเพื่อให้เป็นสิริมงคลกับชีวิตเสมอมา
เดินกันจนพลังงานเริ่มร่อยหรอ ไปเตร่แถวถนนหน้าวัดมหาธาตุฯ กันดีกว่า มีร้านรวงเก่าๆ และของกินอร่อยๆ เพียบ ไปหมด เพชรบุรีไม่ได้มีดีแค่ขนมหม้อแกงนะ ถ้ามาถึงหน้าวัดมหาธาตุฯ กันแล้ว ต้องแวะชิมขนมเบื้องญวนสูตรชาววัง ฝีมือ แม่ค้าเมืองเพชรแท้ๆ อร่อยสุดยอด แต่ถ้าร้อนจนเหงื่อตกอยากได้ของหวานเย็นๆ มาล้างปาก แนะนำไอศกรีมร้านเจ๊ม่วย เป็น ร้านรถเข็นตรงข้ามวัดพอดี สูตรของทีนี้เป็นไอศกรีมกะทิรสกลมกล่อม ทีเด็ดคือต้องทานกับขนมไข่ฟูๆ เข้ากันอย่างบอกใคร ทานอิ่มแล้วเดินย่อยแถวๆ หน้าวัดกันหน่อย ถนนเส้นนี้ให้อารมณ์ย้อนยุคด้วยห้องแถวไม้ ร้านรวงเก่าๆ คู่เมืองเพชร หรือจะเดิน เลยสามแยกหน้าวัดไปหน่อยจะเจอสะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำเพชร เป็นอีกจุดชมวิวที่มีเสน่ห์จนต้องแวะพักรับลมแม่น้ำกันนานๆ
ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างนี้ ลองเปลี่ยนบรรยากาศแวะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพระ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย จากนั้นก็หาโอกาสตะลอนเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดที่ร่ายยาวมา ซึ่งสามารถเที่ยวแบบหนำใจ และอิ่มท้องได้ภายในวันเดียวจบ โดยไม่จำเป็นต้องหาที่นอนค้างคืนให้เปลืองสตางค์เลย