สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 29 เม.ย. 66
ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางแห่ง
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักบริเวณ จ.สระบุรี (61 มม.) จ.นครนายก (49 มม.) และกรุงเทพมหานคร(48 มม.)
น้ำใช้การแหล่งน้ำทุกขนาด 18,258 ล้าน ลบ.ม. (38%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 22,451 ล้าน ลบ.ม. (39%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สนับสนุนรถบรรทุก เครื่องสูบน้ำระยะไกล 1 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ 4 นาย เข้าดำเนินการสูบน้ำจากบ่อน้ำโรงโม่หินศุภผลในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี ไปยังแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาชุมชนเขตเทศบาลตำบลสระบัว อ.กบินทร์บุรี โดยมีระยะทางสูบส่งน้ำประมาณ 2,300 เมตร ปริมาณน้ำที่สูบประมาณ 37,800 ลบ.ม. เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคของประชาชนในพื้นที่
สทนช.จับมือ สสน. จัดทำศูนย์ข้อมูลทรัพยากรน้ำระดับลุ่มน้ำนาย สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุม Kick-off โครงการจัดทำศูนย์ข้อมูลทรัพยากรน้ำระดับลุ่มน้ำ ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง สทนช. และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ รวมถึงภาคประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลการติดตามสถานการณ์น้ำในระดับพื้นที่รายลุ่มน้ำ และนำไปใช้ในการวางแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการแจ้งเตือนสถานการณ์ภัยด้านน้ำ ช่วยป้องกันและลดผลกระทบได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของทั้ง 2 หน่วยงานให้สอดคล้องกับทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ อันจะนำไปสู่การวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปกรมชลประทานเดินหน้ากำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำ จังหวัดสุพรรณบุรี และชุมพร โดยจะเร่งดำเนินการกำจัดวัชพืชสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถส่งน้ำให้กับเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายได้อย่างเพียงพอและทั่วถึง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 29 เมษายน 2566 ดังนี้
ผลการดำเนินงานตาม 10 มาตรการ รองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2565/66
กรมชลประทาน ดำเนินการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน 7 เครื่อง บริเวณตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลเชียรใหญ่ อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูก เนื่องจากฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ทำให้พื้นที่เกษตรกรรมประสบภัยแล้ง
สภาพอากาศ
ในช่วงวันที่ 29 เม.ย. – 1 พ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบน
มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่
แหล่งน้ำทั่วประเทศ
3.1 แหล่งน้ำทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำใช้การ 22,451 ล้าน ลบ.ม. (39%) แบ่งเป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 18,226 ล้าน ลบ.ม. (38%) ขนาดกลาง 369 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 2,479 ล้าน ลบ.ม. (49%) และขนาดเล็ก 139,903 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 1,746 ล้าน ลบ.ม. (34%)
3.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ปริมาณน้ำใช้การ 6,714 ล้าน ลบ.ม. (37%)
ผลการจัดสรรน้ำ (สะสมตั้งแต่ 1 พ.ย. ถึงปัจจุบัน)
4.1 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถจัดสรรน้ำได้มีจำนวน 35 แห่ง มีปริมาณน้ำใช้การทั้งสิ้น 18,153 ล้าน ลบ.ม. (38%) มีแผนการจัดสรรน้ำ 21,913 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 19,987 ล้าน ลบ.ม. (91%)
4.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีแผนการจัดสรรน้ำ 8,600 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 8,182 ล้าน ลบ.ม. (95%)
การบริหารจัดการน้ำ การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จัดการประชุมเริ่มงานโครงการจัดทำศูนย์ข้อมูลทรัพยากรน้ำระดับลุ่มน้ำ โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สสน. และ สทนช. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมน้ำปิง ชั้น 4 อาคารจุฑามาศ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ รวมถึงภาคประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลการติดตามสถานการณ์น้ำในระดับพื้นที่รายลุ่มน้ำ และนำไปใช้ในการวางแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการแจ้งเตือนสถานการณ์ภัยด้านน้ำ ช่วยป้องกันและลดผลกระทบได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของทั้ง 2 หน่วยงานให้สอดคล้องกับทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศอันจะนำไปสู่การวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป