สหรัฐฯแบนทำยอดขายหัวเว่ยวูบ 3 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่หัวเว่ยระบุว่า เขาคาดการณ์ว่าหัวเว่ยจะพลาดเป้ายอดขายประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (943,200 ล้านบาท) ในอีก 2 -3 ปีหน้าจากการที่สหรัฐฯแบนธุรกิจหัวเว่ย
“ ในอีก 2 ปีข้างหน้า ผมคิดว่าเราจะลดความสามารถของเรา รายรับของเราจะลดลงประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ ดังนั้นรายได้จากยอดขายในปีนี้และปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ” เหรินเจิ้งเฟยระบุในการประชุมบอร์ดที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองเซินเจิ้นของจีน
ทั้งนี้ ยอดขายปีที่แล้วของบริษัทเติบโตขึ้นประมาณ 20% มาอยู่ที่ 104,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3.26 ล้านล้านบาท)
เพียง 4 สัปดาห์หลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย ห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันขายเทคโนโลยีให้หัวเว่ยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลกระทบกับบริษัทอย่างหนัก โดยเหรินเจิ้งเฟยระบุว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนร่วงลงถึง 40% ในช่วงเวลาตั้งแต่ 17 พ.ค. – 16 มิ.ย.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าถึง 16 พ.ค.
ความเห็นของเหรินมีขึ้นไม่ถึงสัปดาห์หลังจากหัวเว่ยยกเลิกเป้าหมายเดิมที่จะแซงแบรนด์ซัมซุงขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า หัวเว่ยอาจต้องดิ้นรนอย่างหนักที่จะครองอันดับสูงกว่าแอปเปิล หากยังคงถูกตัดขาดจากบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ เป็นเวลานาน
หากมี “พัฒนาการเชิงบวก” สำหรับหัวเว่ยในช่วง 2 เดือนข้างหน้านี้ บริษัทจะยังคงรั้งอันดับ 2 ไว้ได้ในปีนี้ จากการวิเคราะห์ของ Kiranjeet Kaur นักวิเคราะห์ประจำบริษัทวิจัย IDC “ จะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับหัวเว่ย ซึ่งมีการจัดส่งสมาร์ทโฟนเกือบครึ่งไปตลาดต่างประเทศในปี 2561 และไตรมาสแรกของปี 2562” เธอกล่าว
การแบนการส่งออกของสหรัฐฯ บีบให้บริษัทยักษ์ใหญ่อเมริกันอย่างกูเกิลและเฟซบุ๊ก ต้องตัดหัวเว่ยออกจากแอปพลิเคชั่นและบริการของบริษัท ส่งผลทำให้สมาร์ทโฟนหัวเว่ยดึงดูดใจผู้บริโภคได้น้อยลง ขณะเดียวกัน ผู้ขายในสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่นต่างเลื่อนการเปิดตัวสมาร์ทโฟนหัวเว่ย และซัพพลายเออร์นอกสหรัฐฯรายงานว่ามีคำสั่งซื้อลดลงจากบริษัทจีน
โดยมาร์ค หลิว ประธานบริษัทผู้ผลิตชิปของไต้หวัน TSMC ระบุก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย.ว่า “ ดีมานด์จากหัวเว่ยลดลงในตอนนี้ ”
นอกจากสมาร์ทโฟน ตำแหน่งผู้นำเทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ยก็ดูจะอ่อนแอลง
“ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราไม่ได้คาดการณ์คือ กลยุทธ์การโจมตีของสหรัฐฯจะรุนแรงขนาดนี้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” เหรินกล่าว “ นอกจากนี้ เรายังไม่ได้คาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะโจมตีเราในหลายประเด็น” เขาเสริม
ที่ผ่านมา บริษัทลงทุนอย่างหนักในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G โดยได้ทุ่มเทสร้างมาตรฐานระดับนานาชาติสำหรับ 5G ได้มากกว่าคู่แข่งอย่างโนเกียและอิริคสันรวมกัน จากข้อมูลของ IPlytics บริษัทที่ติดตามเทรนด์เทคโนโลยีในตลาด
อย่างไรก็ตาม เหรินยังคงเชื่อมั่นว่า บริษัทของเขาจะอยู่รอด และเขาทำนายว่าบริษัทจะกลับมาเติบโตได้ภายใน 2 – 3 ปี
“ เราจะไม่พอใจเพียงเท่านี้ เรายังอยากจะร่วมมืออย่างเปิดกว้างกับโลก ” เขากล่าว.