เอเชียเสียงแตกคว่ำบาตรรัสเซีย
รัสเซียก้าวขึ้นอันดับ 1 ของโลก ถูกประชาคมโลกคว่ำบาตรเศรษฐกิจ ชาติภูมิภาคเอเชียเสียงแตกแสดงจุดยืนต่อรัสเซียกรณีบุกยูเครน โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจจีนกับอินเดีย
กองทัพรัสเซียบุกยูเครนก้าวล่วงเข้าสัปดาห์ที่ 3 สถานการณ์ยังรุนแรงต่อเนื่อง ทัพรัสเซียรุกคืบเข้าใกล้กรุงเคียฟระยะเพียง 5 กม. ความพยายามเจรจาหยุดยิงระหว่างฝ่ายยูเครนกับรัสเซียในตุรกี ยังไม่บรรลุผลคืบหน้าใดๆ หน่วยงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อ้างอาหารและน้ำดื่มผู้คนชาวยูเครนในพื้นที่ปิดล้อมของกองทัพรัสเซีย ใกล้หมดลงเต็มที ขณะที่ความพยายามอพยพผู้คนออกจากพื้นที่สงครามยังพบอุปสรรคต่อเนื่อง ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันไปมา
ขณะเดียวกัน มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยเฉพาะด้านการเงิน การธนาคารและการค้า ถูกกลุ่มชาติตะวันตก รวมถึงสหรัฐฯและยุโรปประกาศยกรัดับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รัสเซียก้าวขึ้นฐานะอันดับ 1 ของโลกที่ถูกบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร เหนือกว่าอิหร่าน ซีเรีย เกาหลีเหนือ เวเนซูเอลา เมียนมาและคิวบา
ท่าทีของกลุ่มชาติภูมิภาคเอเชีย แสดงถึงความแตกแยกด้านเอกภาพอย่างชัดเจน โดยมหาอำนาจจีน ปฏิเสธประณามและคว่ำบาตรรัสเซีย ทั้งยังก้าวขึ้นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย โดยรัฐบาลปักกิ่งยกเลิกข้อจำกัดการนำเข้าข้าวสาลีจากรัสเซีย ลงนามซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียด้วยข้อตกลงยาวนาน 30 ปี ส่วนรัสเซียหันมาใช้สกุลเงินหยวนค้าขายกับจีน ใช้เงินสกุลอื่นและใช้ทองคำ ลดการพึ่งพาใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนมหาอำนาจอินเดีย กับชาติภูมิภาคเอเชียอื่นๆ ได้แก่ ปากีสถาน เวียดนาม บังกลาเทศ ศรีลังกา สปป.ลาวและมองโกเลีย ก็ไม่ร่วมมติสหประชาชาติประณามรัสเซีย เพียงระบุต้องการให้รัสเซียยุติภารกิจทางทหารในยูเครน เพราะกลุ่มชาติเหล่านี้ยังต้องพึ่งพาและได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซียอยู่มาก แตกต่างชาติจากกลุ่มชาติหรือดินแดนเอเชียพันธมิตรแน่นแฟ้นกับชาติตะวันตก คือ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และไต้หวัน ต่างร่วมมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียกับชาติตะวันตก
อย่างไรก็ตาม มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียโดยกลุ่มชาติภูมิภาคเอเชียโดยรวม กระทบถึงเศรษฐกิจรัสเซียเพียงน้อยนิด ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์.