SKOOTAR ผู้นำด้านการจัดส่งเอกสารออนไลน์
จุดเริ่มต้นของธุรกิจบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องสลับซับซ้อนแต่อย่างใด ขอเพียงแค่ไม่มองข้ามในจุดเล็กๆ ของปัญหาที่เผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน
และพิจารณาไตร่ตรองให้ดีว่าจะมีอีกคนที่ต้องเจอปัญหาแบบเดียวกับที่เราเป็นอยู่ ไอเดียในการสรรค์สร้างธุรกิจก็จะผุดขึ้นมา เช่นเดียวกับธุรกิจรับส่งเอกสารออนไลน์ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
จากปัญหาสู่ไอเดีย
สุวัฒน์ ปฐมภควัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สกู๊ตต้าร์ จำกัด ผู้ให้บริการรับส่งเอกสารออนไลน์ภายใต้ชื่อ “SKOOTAR” เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่ามาจากการแข่งขันในงาน Angel Hack ซึ่งตนเองและผู้ร่วมก่อตั้งอีก 2 ท่านได้แก่ กมลพฤทธิ์ ชุมพล และธีภพ กิจจะวัฒนะ ได้อยู่ทีมเดียวกัน โดยได้นำเสนอไอเดียการให้บริการรับส่งเอกสารออนไลน์บนเว็บไซด์ และแอพลิเคชั่นบนมือถือสำหรับงานธุรกิจจนได้รับรางวัลชนะเลิศ
หลังจากนั้นจึงนำไอเดียดังกล่าวมาพัฒนาให้กลายเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีตามประสบการณ์ที่ตนได้พบเจอมา เมื่อครั้งยังทำธุรกิจแบบเอสเอมอี ซึ่งจะต้องมีการดำเนินงานในเรื่องของการเก็บเช็คและวางบิล โดยขั้นตอนดังกล่าวถือว่าเป็นอุปสรรคในการทำงาน เนื่องจากจะต้องใช้เวลานานกว่าจะแล้วเสร็จ ทำให้เสียเวลาในการทำธุรกิจไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้น SKOOTAR จึงได้ Startup ธุรกิจขึ้นมา
“ ไอเดียเริ่มต้นมากจากการที่ตนทำธุรกิจเอสเอ็มอี และมีปัญหาเรื่องการเก็บเช็ควางบิลเอง โดยบางครั้งต้องนั่งรอ 40-50 นาที ซึ่งการทำธุรกิจก็ไม่ต้องการเสียเวลาไปกับเรื่องดังกล่าว อยากนำเวลาไปทำธุรกิจหลัก แต่เงื่อนไขของการเป็นเอสเอ็มอีจึงทำให้ไม่สามารถจ้างแมสเซนเจอร์แบบเต็มเวลาได้ เพราะต้องการประหยัดต้นทุน หากจะเรียกใช้บริการวินมอเตอร์ไซด์บางทีก็ไม่ค่อยมั่นใจ เนื่องจากเช็คมีมูลค่าค่อนข้างสูง และบางครั้งในเวลาที่ต้องการมักจะหาวินมอเตอร์ไซด์ไม่ค่อยได้ เลยคิดถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยนึกถึงโมเดลของ Uber และนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับธุรกิจของเรา ซึ่ง SKOOTAR ถือเป็นรายแรกในการให้บริการแบบนี้ โดยเริ่มเปิดให้บริการเดือนก.พ. 58 ”
ชูความเป็นมืออาชีพ
จุดเด่นของ SKOOTAR นั้น สุวัฒน์ บอกว่าอยู่ที่ความน่าเชื่อถือ โดยแมสเซนเจอร์ของบริษัททุกคนจะเป็นมืออาชีพ ซึ่งจะมีประสบการณ์ในการทำงานทางด้านของการเก็บเซ็ค วางบิลมาก่อน สามารถที่จะเดินเอกสารได้ รู้ว่าลูกค้าจะต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง เราจะไม่รับวินมอเตอร์ไซด์หรือใครก็ได้ที่ต้องการทำงานเพียงแค่มีมอเตอร์ไซด์ โดยปัจจุบันบริษัทมีแมสเซนเจอร์ที่ลงทะเบียนกับบริษัทอยู่ประมาณ 1,000 กว่าคน กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพราะฉะนั้น ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ในพื้นทีใดก็สามารถรับบริการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
“วิธีการคัดเลือกแมสเซนเจอร์นั้น อันดับแรกจะต้องมีสมาร์ทโฟนในระบบแอนดรอยด์ ซึ่งทุกคนมีอยู่แล้วในปัจจุบัน อันดับถัดมาก็คือจะต้องสมัครออนไลน์เข้ามา โดยที่เราจะดูจากใบสมัคร หลังจากนั้นก็จะเรียกเข้ามาเทรนด์ประมาณ 1 สัปดาห์ต่อครั้ง โดยใช้เวลาประมาณครึ่งวันเพื่อเทรนด์การใช้แอพ การพูดจากับลูกค้า การถือเอกสาร เมื่อเทรนด์เสร็จจะต้องมีการสอบให้ผ่าน หากไม่ผ่านจะต้องกลับมาเทรนด์ใหม่ ไม่อย่างนั้นจะไม่บรรจุให้ เมื่อสอบผ่านเสร็จเราจะมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม หากผ่านหมดทุกอย่าง มีบุคคลอ้างอิงทุกอย่างถึงจะเริ่มทำงานได้”
นอกจากนี้ SKOOTAR ยังมีการรับประกันความเสียหายเบื้องต้นให้ 2,000 บาท ในกรณีที่เอกสารเสียหายหรือชำรุด แต่หากลูกค้าต้องการเงินประกันเพิ่มเติมก็สามารถที่จะซื้อประกันเพิ่มได้ โดยเมื่อลูกค้าต้องการใช้บริการแมสเซนเจอร์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจะกดรับงานเมื่อไม่ได้ติดภารกิจใด หลังจากนั้นระบบจะส่งข้อความโดยอัตโนมัติให้กับผู้ใช้บริการทันทีว่าแมสเซนเจอร์คนใดเป็นผู้รับงานพร้อมชื่อและเบอร์โทรติดต่อ เมื่อแมสเซนเจอร์มารับงานก็จะต้องมีการเซ็นชื่อบนหน้าจอสมาร์ทโฟน เพื่อพิสูจน์ตัวตนที่แท้จริง โดยบริษัทจะมีฐานข้อมูลของแมสเซนเจอร์ที่ให้บริการทั้งหมด
ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการยังสามารถตรวจสอบสถานะได้ตลอดเวลาว่าเอกสารที่ส่งเคลื่อนที่ไปถึงบริเวณใด โดยเมื่อเอกสารถึงลูกค้าหรือผู้รับของก็จะต้องมีการเซ็นชื่อรับรองบนสมาร์ทโฟนเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นระบบก็จะส่งอีเมลให้กับผู้ใช้บริการว่างานได้สำเร็จลุล่วงตามที่ต้องการ เพื่อความสบายและไม่ต้องคอยตรวจสอบว่าเอกสารถึงมือผู้รับหรือไม่ เพราะฉะนั้นผู้ใช้บริการจึงสามารถเชื่อใจเราได้ เพราะมีการติดตามตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
“ลูกค้ายังสามารถให้คะแนนแมสเซนเจอร์ที่เข้าไปทำหน้าที่ได้ ทั้งในเรื่องของความสุภาพ กิริยามารยาทและภาพรวมทั้งหมด หากแมสเซนเจอร์คนใดได้รับคะแนนน้อย เราก็จะไม่ส่งงานให้อีก เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพในการให้บริการ เพราะฉะนั้นแมสเซนเจอร์ทุกคนก็จะต้องปรับปรุงตัวเอง และพัฒนาบริการตลอดเวลา”
เน้นบริการเพื่อเอสเอ็มอี
ด้วยบริการที่กำเนิดจากไอเดียช่วงเป็นเอสเอ็มอี ดังนั้นวิธีการเรียกเก็บค่าบริการของบริการจึงคำนึงถึงความสามารถ และความสะดวกสบายในการชำระเงินของลูกค้า ดังนั้นลูกค้าจึงยังไม่ต้องชำระเป็นเงินสดหรือจ่ายบัตรเครดิต โดยลูกค้าสามารถใช้บริการไปเลย 1 เดือน บริษัทถึงจะส่งไปเรียกเก็บค่าชำระบริการไปให้ โดยสรุปว่าทั้งหมดได้ใช้บริการอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ หลังจากนั้นยังมีเวลาอีก 15 วันเป็นเครดิตในการชำระค่าบริการ และบริษัทก็จะส่งใบกำกับภาษีในการไปลดหย่อนภาษีได้ เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถควบคุมต้นทุนรายจ่ายได้ โดยจากการสำรวจพบว่าเอสเอ็มที่ใช้บริการกับบริษัทจะสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 20-40% จากการจ้างแมสเซนเจอร์แบบเต็มเวลา
สำหรับช่องทางในการเข้าใช้บริการของลูกค้านั้น สามารถทำได้ทั้งในแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนระบบ IOS และ Android หรือผ่านทางหน้าเว็บไซด์ (www.skootar.com) ยกเว้นการโทรเข้ามาสั่งงานที่บริษัท ส่วนบุคคลธรรมดาก็สามารถใช้บริการได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องชำระค่าบริการเป็นรายครั้ง โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่เข้ามาลงทะเบียนแล้วมากว่า 10,000 ราย ขณะที่อัตราการเติบโตของบริษัทในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สามารถโตได้ 30% ต่อดือน
ขยายงานสู่หัวเมืองและต่างประเทศ
สุวัฒน์ ยังได้บอกถึงแผนงานในอนาคตด้วยว่า ในช่วงต้นปีหน้าจะมีการระดมทุนอีกครั้งหนึ่งจากผู้ลงทุนต่างประเทศ เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทไปยังหัวเมืองต่างๆของประเทศไทย รวมถึงการขยายงานออกไปสู่ต่างประเทศในกลุ่มของ AEC และพัฒนาประสิทธิภาพในการบริการให้เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการศึกษา และสำรวจช่องทางความเป็นไปได้ในแต่ละพื้นที่ที่จะขยายงานออกไป โดยใช้ต้นแบบจากธุรกิจเดิมเป็นพื้นฐาน
“ ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าคิดว่าจะขยายออกนอกกรุงเทพฯ และขยายออกนอกประเทศไทย พร้อมทั้งปรับปรุงธุรกิจหลักของบริษัทในเรื่องของประสิทธิภาพของโปรดักส์ และการบริการให้เหมาะกับธุรกิจใหญ่มากขึ้น เพราะเราเล็งเห็นว่าบางบริษัทขนาดใหญ่อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องจ้างแมสเซนเจอร์แบบเต็มเวลา แต่สามารถหันมาใช้บริการของเราเพื่อประหยัดต้นทุน ”