อิรักเตรียมฉลองชัยชนะในโมซุล
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นักรบกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม หรือไอเอส ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นจนมุมอยู่ในพื้นที่ไม่กี่ถนนในเมืองโมซุล นับเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกองทัพรัฐบาลอิรัก
ในการต่อสู้อย่างดุเดือด กองทัพอิรักโจมตีจนกลุ่มไอเอสพ่ายแพ้และบริเวณที่เคยยึดครองหดแคบลงจนเหลือเป็นบริเวณสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ ประมาณ 500 เมตรข้างแม่น้ำไทกริส อ้างอิงจากแผนที่ที่เผยแพร่โดยสำนักสื่อของกองทัพ
มีกลุ่มควันปกคลุมหลายพื้นที่ของเมืองเก่า จากการระดมยิงถล่มโจมตีของกองทัพอากาศและจากอาวุธปืนใหญ่ของอิรักจนถึงเช้า
โดยจำนวนกลุ่มก่อการร้ายไอเอสที่ต่อสู้กับกองทัพอิรักลดจำนวนลงจากหลายพันคนในช่วงเริ่มสู้รบเหลือเพียงไม่กี่ร้อยคนหลังจากผ่านการต่อสู้ที่ยาวนานมาถึง 8 เดือน อ้างอิงจากข้อมูลของกองทัพอิรัก
ทั้งนี้ เมืองโมซุลเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดที่ไอเอสยึดครอง โดยเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน กองทัพไอเอสทำการประกาศการก่อตั้ง caliphate หรือรัฐคอลีฟะห์ เหนือพื้นที่ของอิรักและซีเรีย
ทางกองทัพประกาศว่าจะสามารถบุกถึงแม่น้ำไทกริสและยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดมาควบคุมได้ทั้งเมืองภายในสุดสัปดาห์นี้ โดยคาดการณ์ว่านายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อบาดิคาจะมาเยือนเมืองโมซุลเพื่อประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการ และมีการเตรียมงานเพื่อเฉลิมฉลองทั่วประเทศเป็นเวลา 1 สัปดาห์
“ เราเข้าใกล้ชัยชนะมากแล้ว เพียงแค่ 300 เมตรจากแม่น้ำไทกริส ” นายพลยาห์ยา ราซูล โฆษกกองทัพอิรักกล่าวในรายงานโทรทัศน์
โดยเขาประกาศการสิ้นสุดสถานะของรัฐคอลีฟะห์ของกลุ่มไอเอสให้เป็นรัฐล้มเหลวเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. หลังจากกองกำลังฝ่ายความมั่นคงเข้ายึดคืนพื้นที่มัสยิด Grand al-Nuri ในเมืองโมซุลได้สำเร็จ
เนื่องจากพื้นที่ยึดครองหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มไอเอสจึงยกระดับเป็นการโต้กลับด้วยระเบิดฆ่าตัวตายในหลายพื้นที่ของกองทัพอิรักและที่อื่นๆ เมื่อวันที่ 2 ก.ค. มือระเบิดฆ่าตัวตายซึ่งเป็นชายแต่แต่งกาย
เป็นหญิงมีผ้าคลุมหน้าก่อเหตุร้ายทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 14 รายและบาดเจ็บอีก 13 รายในค่ายผู้อพยพทางตะวันตกของกรุงแบกแดดซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า Kilo 60
“ เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกโจมตีได้อพยพหนีมาที่ Kilo 60 เพื่อความปลอดภัย หลายคนเดินทางมานานมากเพื่อขอความช่วยเหลือ ” Lise Grande ผู้ประสานงานฝ่ายมนุษยธรรมขององค์การสหประชาชาติกล่าว
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. กลุ่มก่อการร้ายไอเอสประกาศว่า ได้ใช้ระเบิดฆ่าตัวตาย 32 ครั้งในเดือนมิ.ย.ในอิรัก และ 23 ครั้งในซีเรีย และ 11 ครั้งในฐานที่มั่นของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนกลุ่มกบฎชาวเคิร์ดในซีเรีย
ข้อมูลจากองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือระบุว่า สงครามทำให้มีผู้อพยพหนีตายมากถึง 900,000 คน ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรก่อนเกิดสงคราม และทำให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายพันคน.