ภูเขาทอง สมบัติทางศาสนา 3 รัชกาล
เชื่อว่า ในรายการสถานที่ที่ต้องมาเยือน หากมาถึงประเทศไทยของบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะต้องมี “ภูเขาทอง” แห่งวัดสระเกศ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพมหานคร อยู่ในรายการด้วยอย่างแน่นอน จากความโดดเด่นเห็นแต่ไกลบนถนนราชดำเนินนอก ที่หากมาถูกช่วงถูกเวลายังได้พบกับงานเทศกาลที่จะจัดขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นงานวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองหลวงประเทศไทยแห่งนี้ด้วย
เจดีย์ภูเขาทอง หรือ พระบรมบรรพตภูเขาทอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ตั้งอยู่ในวัดสระเกศ ริมคลองมหานาค บริเวณถนนจักรพรรดิพงษ์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยทั่วไปจะสามารถมองเห็นเจดีย์แห่งนี้ได้อย่างชัดเจน เมื่ออยู่บนถนนราชดำเนินนอก ใกล้กับบริเวณป้อมพระกาฬ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจดีย์ภูเขาทองแห่งนี้ มีความสูงประมาณ 100 เมตร ด้านบนบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญมาจากกรุงกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ส่วนพระบรมบรรพตภูเขาทองนั้น เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยจำลองแบบมาจากเจดีย์ของวัดภูเขาทองในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่การก่อสร้างพระบรมบรรพตก็มีอันต้องหยุดชะงัก เนื่องจากพื้นที่บริเวณที่สร้างเป็นดินและที่ลุ่ม ทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักของเจดีย์ได้ การก่อสร้างจึงต้องยุติลง ทว่าในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯให้ดำเนินการสร้างต่อ แต่ก็ยังคงไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีการซ่อมแซมจุดต่าง ๆ มาตลอดรัชกาล และในที่สุดพระบรมบรรพตนี้ก็ได้แล้วเสร็จลงในสมัยรัชกาลที่ 5 รวมเวลาก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 50 ปี จึงถือเป็นเจดีย์ที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 3 รัชกาลด้วยกัน
ก่อนจะขึ้นไปยังภูเขาทอง บริเวณทางขึ้นจะพบกับสิงห์คู่อยู่เชิงบันได จากนั้นระหว่างที่เดินขึ้นบันไดช่วงแรกจะพบกับภูเขาทองจำลองที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ทางเดินช่วงที่สองจะเห็นเป็นทางเดินเรียบ ๆ ช่วงสั้น ๆ โดยมีศาลาไว้สำหรับนั่งเล่นและพักเหนื่อย ช่วงก่อนขึ้นบันไดช่วงที่สามจะพบกับระฆังแขวนอยู่เรียงราย ซึ่งระฆังนี้จะตีในเวลาที่กลับลงจากยอดภูเขาทอง โดยเชื่อว่าการตีระฆังเป็นการปัดเป่าสิ่งไม่ดีทั้งหลายออกจากตัว และเป็นการตีเพื่ออธิษฐานขอพร ส่วนบันไดช่วงที่สาม หรือบันไดช่วงสุดท้าย เป็นบันไดที่มีลักษณะค่อนข้างชัน จากจุดนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองกรุงเทพฯได้อย่างกว้างไกล จากนั้นเมื่อขึ้นไปจนสุดทางแล้วจะพบกับชั้นวางรองเท้าที่ผู้มาเยือนจะต้องถอดรองเท้าวางไว้ด้านนอกก่อนเข้าไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุภายใน และเมื่อเข้ามาภายในเจดีย์ภูเขาทองแล้ว จะพบกับช่องทางเดินที่นำไปสู่พระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และภายในนี้จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ 4 ทิศด้วยกัน
นอกจากการเดินขึ้นมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และชื่นชมกับวิวมุมสูงของกรุงเทพมหานครแล้ว การเดินเที่ยวชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดสระเกศก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวนิยมหลังจากเที่ยวชมภูเขาทอง ซึ่งในทุกปี วัดสระเกศจะมีการจัดงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นที่สนใจของทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ พิธีเจริญพระพุทธมนต์ มหาสมัยสูตร ที่จัดขึ้นในวันที่ 15 เมษายนของทุกปี พิธีตักบาตรเทโวโรหณะ ที่จะจัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 และในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12 ช่วงเช้าเวลา 06.00 น. จะเป็นพิธีอัญเชิญผ้าแดงห่มองค์พระบรมบรรพต และหลังจากนั้นจะเป็นงานประเพณีนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ที่จัดติดต่อกัน 7 วัน 7 คืน โดยความพิเศษอยู่ที่เปิดให้ประชาชนการขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุได้ในช่วงกลางคืน โดยสามารถเข้าร่วมงานที่ภูเขาทองได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น. สำหรับช่วงเวลาปกติ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. โดยชาวต่างชาติจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชม 10 บาท
การเดินทางมายังภูเขาทองสามารถมาได้หลายช่องทาง หากเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว จากถนนราชดำเนินนอก ให้ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผ่านป้อมพระกาฬ จากนั้นเลี้ยวขวาบริเวณคลองมหานาค จะเห็นทางเข้าภูเขาทองอยู่ทางซ้ายมือ สามารถนำรถเข้าไปจอดได้ภายในบริเวณวัด ส่วนการเดินทางโดยรถประจำทาง สามารถขึ้นรถเมล์สาย 8, 15, 37, ปอ.37, 47 และ 49 การเดินทางโดยเรือโดยสาร สามารถนั่งเรือได้จากท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ คลองแสนแสบ และท่าภูเขาทอง คลองผดุงกรุงเกษม หรือหากจะเดินทางโดยระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าก็ทำได้เช่นกัน กรณีมาโดยรถไฟฟ้าใต้ดินหรือ MRT ให้ลงที่สถานีหัวลำโพง จากนั้นนั่งรถแท็กซี่ หรือขึ้นรถเมล์สาย 49 จากป้ายในหัวลำโพงมาลงที่วัดฝั่งถนนจักรพรรดิพงษ์ ส่วนกรณีมารถไฟฟ้าบนดิน หรือ BTS สามารถลงที่สถานีราชเทวี จากนั้นใช้ทางออกหมายเลข 1 เดินไปยังสะพานหัวช้างเพื่อนั่งเรือโดยสารจากท่าเรือสะพานหัวช้าง ไปยังท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคนพูดกันว่า ในชีวิตนี้จะต้องลองมาขึ้นภูเขาทองเพื่อความเป็นสิริมงคลดูสักครั้งให้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในช่วงเทศกาลและวันหยุด จะมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมายังภูเขาทองเพื่อเดินขึ้นไปยังชั้นสูงสุด จากนั้นถ่ายภาพในมุมต่างๆ เพื่อเป็นที่ระลีกกันอย่างเนืองแน่น แล้วคุณหล่ะ ได้เคยลองไปขึ้นภูเขาทองกันหรือยัง.