“ตั้งเกียงเฮง” เปลี่ยนแปลงรับกระแส New Normal
การทำธุรกิจนั้นผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัว และเปลี่ยนแปลงตามกระแสของพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าในแต่ละยุค แต่ละสมัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวเหล่านั้น และที่สำคัญก็คือเพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
“New Normal” คำนี้คงจะคุ้นหูกันมากในยุคสมัยที่เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดที่เรียกว่ามาอย่างรวดเร็ว เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ซึ่งมีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตในรูปแบบเก่า ทำให้พฤติกรรมแบบใหม่เกิดขึ้นมาอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ และถือว่ากลายเป็นพฤติกรรมใหม่ในที่สุด
แบรนด์ “ตั้งเกียงเฮียง” มีการสร้างธุรกิจมานมนาน จนเรียกได้ว่าเป็นรุ่นสู่รุ่น และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลก แบรนด์ก็ต้องมีการปรับตัวเองเช่นเดียวกัน เพื่อให้การ “Startup” ธุรกิจที่เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อในอดีต ยังคงอยู่ต่อไปได้บนโลกของการแข่งขันในตลาด
–จุดกำเนิดธุรกิจ
พิภัทร์ ตันติวุฒิภัทร เจ้าของธุรกิจ ร้านตั้งเกียงเฮง ฟู้ดสตัสส์ บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นไอเดียในการทำธุรกิจ ว่า ดั้งเดิมเลยครอบครัวของแฟนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทหมูหยอง หมูแผ่นอยู่แล้ว ส่วนแฟนก็ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนตามปกติ โดยย้อนไปเมื่อประมาณปี 2546 ทางครอบครัวของแฟนได้มีการชักชวนให้มาขายผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวเหล่านี้ โดยมีหน้าร้านให้เข้ามาบริหาร ซึ่งแฟนก็เห็นว่าเป็นโอกาส และน่าจะเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี จึงตัดสินใจเข้ามาบริหารร้านในที่สุด
“เมื่อมีโอกาสในการสร้างรายได้ เพื่อหล่อเลี้ยงครอบครัว แฟนก็เลยตัดสินใจที่จะลาออกจากงานประจำตามคำชักชวน โดยมีความต้องการที่จะออกมาเป็นแม่บ้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และช่องทางดังกล่าวนี้ก็สามารถสร้างรายได้ด้วยจึงทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก”
กระบวนการผลิตของแบรนด์ก็คือการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมูเป็นหลัก โดยออกมาเป็นหมูแผ่น หมูหยอง หมูหวาน หมูสวรรค์ หมูทุบ กุนเชียง ภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า “ตั้งเกียงเฮียง” ตามชื่อสกุลของแฟน ผสมกับชื่อแฟน และเติมคำว่า เฮง ลงไปเพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับการทำธุรกิจ
–ใหม่ สะอาด อร่อย
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ “ตั้งเกียงเฮง” นั้น พิภัทร์ บอกว่า ตั้งแต่เริ่มต้นเข้ามาทำธุรกิจ สิ่งที่แฟนยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในการทำร้านก็คือจะมุ่งเน้นคำว่า ใหม่ สะอาด และอร่อย โดยผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจะต้องได้ตามแนวคิดดังกล่าวนี้ที่ตั้งธงเอาไว้
“เราพยายามจะทำให้ผลิตภัณฑ์ให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ จะดูแลไม่ให้มีการค้างสต็อกแล้วนำมาจำหน่าย เรียกว่าเก่าไม่มี ที่สำคัญก็คือการคัดสรรวัตถุดิบที่ดี ได้มาตรฐานในการนำมาแปรรูปให้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ เพื่อจำหน่าย โดยเป็นการใส่ใจในทุกขั้นตอนของการผลิต”
ขณะที่สูตรการแปรรูปในการผลิตนั้น ก็จะมาจากสูตรดั้งเดิมของเครือญาติทางด้านแฟนที่ทำมาอยู่แล้วเป็นสูตรตั้งต้น หลังจากนั้นเราก็มีการปรับวิธี และรูปแบบในการผลิตให้เกิดความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งต้องยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวแบบนี้มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปในตลาด เราจึงต้องสร้างจุดเด่นของแบรนด์ขึ้นมา เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
–ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง
ด้านช่องทางในจำหน่ายนั้น แบรนด์มีหน้าร้านจำหน่ายอยู่ที่ตลาดเอี่ยมเจริญ ปากซอนสุขุมวิท 113 แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน และกระแสการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัวเข้าสู่การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดก็มีจำหน่ายผ่านช็อปปี้ (Shopee) ส่วนเรื่องของเว็บไซด์แบรนด์เองก็กำลังพยายามศึกษา และพัฒนาเพื่อให้กลายเป็นช่องทางจำหน่ายเพิ่มเติมในอนาคต
“ปัจจุบันช่องทางออนไลน์ของแบรนด์จะดำเนินการผ่าน Shopee เป็นหลัก เพราะเป็นระบบที่ถูกพัฒนาสำเร็จรูปมาอยู่แล้ว เพื่อการขายผ่านออนไลน์ ซึ่งสะดวกสบายในการเข้าถึงลูกค้า ส่วนที่ลาซาด้า (Lazada) และเทพช็อป (Lnwshop) แบรนด์ก็มีหน้าร้านอยู่เช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ได้เข้าไปทำตลาดมากนัก”
การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลกระทบต่อยอดจำหน่ายผ่านทางร้านมากพอสมควร โดยเฉพาะในช่วงแรกที่มีการระบาดหนัด เพราะประชานต่างก็กลัวที่จะต้องเดินทางออกมาข้างนอก แต่ล่าสุดสถานการณ์ก็เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญก็คือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในการซื้อสินค้า แบรนด์เองจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว
อย่างไรก็ดี การขายตลาดเพื่อเพิ่มรายได้ แบรนด์ได้มีการนำผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นเข้ามาจำหน่ายร่วมด้วยภายในร้าน เพื่อเพิ่มทางเลือกในการซื้อให้กับลูกค้า โดยจะเป็นอาหารประเภทรับประทานเล่น หรือจะนำไปรับประทานเป็นอาหารหลักก็ได้
–เปลี่ยนแพคเกจเพื่อตอบโจทย์
นอกจากนี้ แบรนด์ยังดำเนินการเรื่องการพัฒนาแพคเกจจิ้งให้ดูทันสมัย เป็นที่ดึงดูดสายตาจากผู้บริโภค รวมถึงทำให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น และดูน่าเชื่อถือ จากเดิมที่จะใช้เป็นการบรรจุใส่ถุงธรรมดาแล้วซีลปิดผนึก เพราะการจำหน่ายผ่านออนไลน์ เรื่องแพคเกจจิ้งถือว่ามีความสำคัญ และเป็นหน้าตาของแบรนด์ให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อ
“เดิมทีเราบรรจุใส่ถุงใสธรรมดาแล้วซีลปิดผนึก ซึ่งอาจจะทำให้ดูไม่ค่อยเป็นที่น่าสนใจมากนัก แต่เมื่อมีการปรับแพจเกจให้ดูทันสมัย เชื่อว่าจะทำให้จำหน่ายได้มากขึ้น ทั้งการซื้อไปรับประทานเอง และการซื้อเพื่อนำไปเป็นของฝากให้กับบุคคลสำคัญในโอกาสต่างๆ เพราะมีเสียงสะท้อนจากลูกค้ากลับมาให้ได้คิดว่า รสชาติอร่อย แต่แพคเกจดุไม่ค่อยสวยงาม ทำให้ไม่น่าซื้อไปเป็นของฝาก”
พิภัทร์ บอกปิดท้ายอย่างน่าสนใจว่า พติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญของแบรนด์ ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นในปีนี้น่าจะได้เห็นอะไรใหม่ๆจากแบรนด์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการซื้อขายผ่านบนช่องทางออนไลน์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม
“ตอนนี้ก็ต้องพยายามมุ่งออนไลน์เป็นหลัก หลังจากนั้นเมื่อโควิด-19 สิ้นสุดลง ทิศทางต่างๆน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น แบรนด์ก็จะต้องดำเนินกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องต่อไป”