บ.บิ๊ก เบนซ์ เพิ่มนวัตกรรม OEM เรียกลูกค้า
เส้นทางธุรกิจไม่ได้ถูกขีดให้เป็นเส้นตรง แต่จะต้องมีทางแยกทางเลี้ยวให้เจ้าของธุรกิจ หรือผู้ประกอบการต้องหยุดพินิจ พิเคราะห์ ไตร่ตรองชั่งใจอยู่เสมอ เพื่อเลือกเส้นทางที่เหมาะสม และถูกที่สุดตามสถานการณ์ทางด้านการตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
“บริษัท บิ๊ก เบนซ์ เฮลธ์ โปรดักส์ จำกัด” เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ Start up ธุรกิจขึ้นมาจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด ด้วยความที่มีคู่แข่งเข้ามาแย่งชิงพื้นที่ทางด้านรายได้ โดยอาศัยต้นทุนที่ต่ำกว่า ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างในการทำธุรกิจไปอย่างสิ้นเชิง
–ย้อนรอยธุรกิจ
“เย็นศิระ วีระธนานันท์” ในฐานะรองผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก เบนซ์ เฮลธ์ โปรดักส์ จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของไอเดียในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการทำธุรกิจ ว่า เมื่อ 17 ปีที่ผ่านมาคุณพ่อของตนมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อให้กับบริษัทของพี่ชาย ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเสียง เครื่องเล่นดีวีดี (DVD) โดยเป็นการนำเข้าอุปกรณ์จากประเทศจีนเข้ามาประกอบในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายผ่านทางบิ๊กซี และแมคโคร เป็นต้น ซึ่งในช่วงเวลานั้นบริษัทมียอดขายมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี ณ ช่วงเวลาหนึ่งพี่ชายของคุณพ่อที่เป็นเจ้าของธุรกิจได้เสียชีวิตลง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจซึ่งไม่มีผู้ที่ดูแลต่อ คุณพ่อของตนจึงซื้อกิจการเพื่อมาสานต่อธุรกิจ แต่ด้วยความที่ช่วงเวลานั้นผลิตภัณฑ์จากจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยอาศัยราคาที่ถูกกว่าดึงดูดใจให้ผู้บริโภคหันไปเลือกซื้อมาใช้งาน ผลิตภัณฑ์จากบริษัทซึ่งเป็นการนำวัสดุเข้ามาประกอบในประเทศไทยจึงไม่สามารถใช้กลยุทธ์แข่งขันทางด้านราคาได้ ทำให้ต้องคิดหาหนทางในการประครองธุรกิจให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ทั้งนี้ หลังจากที่คุณพ่อมีโอกาสได้เดินทางไปประเทศแถบยุโรปก็ทำให้ได้พบกับไอเดียในการกลับมาปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจของบริษัทให้สามารถโลดแล่นอยู่ในตลาดได้ โดยคุณพ่อได้ไปพบเจอกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารเสริม ซึ่งมองแล้วว่าเป็นธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจ รวมถึงน่าจะมีแนวโน้มที่สดใส และดีกว่าธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ คุณพ่อเลยเลือกที่จะทำอาหารเสริมขึ้นมาเพื่อจำหน่าย
–เน้นการทำ OEM
เย็นศิระ บอกต่อไปอีกว่า ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตขึ้นมาอยู่ภายใต้แบรนด์ “Srim cup” ซึ่งเป็นประเภทกาแฟ และโกโก้ ส่วนอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จะเป็นอาหารเสริมแบรนด์ “Life tech” โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคในตลาด จนในระยะหลังช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับการติดต่อให้เป็นผู้รับจ้างผลิต (OEM) เพื่อให้ผู้ประกอบการรายอื่นนำไปสร้างแบรนด์ และสร้างตลาดเป็นจำนวนมาก บริษัทจึงได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางธุรกิจอีกครั้ง ภายใต้การดูแลของตน
“บริษัทเป็นเชี่ยวชาญทางด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจแบบ OEM เพื่อให้ผู้ประกอบการรายอื่นนำไปสร้างแบรนด์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 95% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่อีกส่วนหนึ่งจะเป็นการสร้างแบรนด์ของตัวเอง”
สำหรับในส่วนของกลยุทธ์การทำตลาดในระยะต่อไปนั้น การทำ OEM บริษัทจะมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วยในการผลิต เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้ตัดสินใจเข้ามาใช้บริการ พร้อมกับรักษาคุณภาพในการผลิต ซึ่งบริษัทได้รับการรับรองจาก GMP ,ISO 22000 เวอร์ชั่น 2015 โดยกำลังจะเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่น 2018 ในปีนี้ และจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังจะต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่การผลิตในรูปแบบน้ำ จากเดิมที่บริษัทจะมีการผลิตเพียงแค่รูปแบบผง และแคปซูล โดยที่บริษัทจะมีผลิตภัณฑ์ต้นแบบให้ลูกค้าได้เลือก เพื่อทำตามแบบ หรือพัฒนาเพิ่มสูตรในแบบที่ลูกค้าต้องการ
“บริษัทจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่เป็นน้ำดื่มเพื่อสุขภาพผสมใยอาหาร ซึ่งจะมีสรรพคุณในการดีทอล์กของเสียจากร่างกาย โดยเป็นนวัตกรรมใหม่ที่บริษัทเพิ่มเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า”
–สร้างรายได้โต 40%
ขณะที่ทางด้านการสร้างแบรนด์เป็นของตนเองนั้น บริษัทจะไม่ได้มุ่งเน้นเท่าใดนัก เพียงแต่ต้องการสร้างขึ้นมาให้ลูกค้าได้มั่นใจในคุณภาพการผลิตว่าสามารถทำได้จริง โดยมีวางจำหน่ายที่ร้านโชว์ห่วยขนาดเล็กทั่วไป ซึ่งจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้การผลิตของบริษัทอยู่ที่คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ โดยบริษัทจะทำธุรกิจร่วมกับซัพพายเออร์รายใหญ่ของประเทศ ที่นำเข้าวัตถุดิบมาจากต่างประเทศ ซึ่งเมื่อมีวัตถุดิบชนิดใหม่ก็จะมีการแจ้งให้รับรู้ทันที โดยที่วัตถุดิบทุกชนิดจะมีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง
เย็นศิระ ปิดท้ายว่า จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าว เชื่อว่าในปี 63 บริษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 40% จากปี 62 ซึ่งคาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 15-20% จากปี 61 โดยในปี 62 แม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่สู้ดีเท่าใดนัก แต่บริษัทก็ได้รับอนิสงส์จากการถูกจับกุมของบริษัทที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีผู้ประกอบการได้รับผลกระทบหลายราย โดยมี 3-4 รายที่เข้ามาใช้บริการของบริษัท เพื่อให้บริษัทถอดสูตรการผลิตและใช้วัตถุดิบที่ถูกต้องตามกฎหมายทดแทน และนำไปจำหน่าย.