“โอ่งแมว”บ้านน้องจาปุณณ์ เจาะกลุ่มทาสแมว
กว่าจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีปัจจัยหลายสิ่งอย่างที่เข้ามาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวถูกที่ถูกเวลา ผู้ประกอบการบางรายมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องใช้ก็ไม่สามารถตีตลาดให้แตกได้
เช่นเดียวกันผลิตภัณฑ์ “โอ่งแมว” ของ นันทนัช นวลดอกรัก เจ้าของร้านเครื่องปั้นดินเผา บ้านน้องจาปุณณ์ ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จบนธุรกิจดังกล่าวนี้ได้ต้องผ่านเส้นทางอุปสรรค และขวากหนามไม่ใช่น้อย แต่ด้วยความมุมานะ อุตสาหะ ประกอบกับมุมมองทางด้านการตลาดที่ดี ทำให้เธอสามารถนำผลิตภัณฑ์เข้าไปเสิร์ฟให้กับผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
เริ่มเส้นทางธุรกิจ
นันทนัช ถึงจุดเริ่มต้นที่มาที่ไปของไอเดียในการทำธุรกิจ โอ่งแมว หรือที่ตัวเธอและลูกค้าเรียก “โอ่งเจ้านาย” ว่า ก่อนที่จะกลายเป็นมาธุรกิจดังกล่าวนี้ในปัจจุบัน ก่อนหน้านั้นตัวเธอเองทำธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายเสื้อผ้าเด็กบนช่องทางออนไลน์ โดยมีโอ่งแมวซึ่งทำค้างสต็อกเอาไว้แล้วหลายปีอยู่ที่โรงงานแต่ไม่สามารถจำหน่ายได้ เพราะแต่ก่อนยังไม่ได้รับความนิยม กลุ่มผู้เลี้ยงแมวที่เรียกตนเองว่าเป็นทาสแมวยังไม่มี
อย่างไรก็ดี ในช่วงระยะเวลาหนึ่งตัวเธอได้สังเกตเห็นว่ามีแมวจรมาคลอดลูกทิ้งเอาไว้ และมีการเข้าไปนอนในโอ่งที่ทำค้างสต็อกไว้ทุกวัน ตัวเธอเลยมองว่าจะทำอย่างไรให้โอ่งดังกล่าวเหล่านั้นจำหน่ายได้ ด้วยความที่ตัวเธอเองก็อยู่ในกลุ่มทาสแมวอยู่แล้ว จึงทดลองนำผลิตภัณฑ์ไปโพสขาย เพราะต้องการโล๊ะสต็อกที่เก็บไว้มาหลายปี
โอ่งแมวใบแรกที่ขายได้ทำให้รู้ว่าผลิตภัณฑ์ยังมีข้อบกพร่องเรื่องของก้นโอ่ง และทางเข้าที่แคบเกินไป จากความคิดเห็นของลูกค้าที่สะท้อนกลับมายังตัวเธอ ดังนั้น ตัวเธอจึงต้องหาทางโล๊ะสต็อกของเก่าเหล่านี้ออกให้หมดแล้วเริ่มต้นใหม่ แล้วไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
เพิ่มช่องทางการทำตลาด
นันทนัช บอกต่อไปว่า ในระยะแรกตนยังทำการตลาดไม่ถูกจุด เนื่องจากเป็นการนำผลิตภัณฑ์ไปโพสจำหน่ายในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งตามปกติด้วยความที่เป็นคนเห่อลูกก็จะลงแต่รูปครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือ โดยมีลูกค้าแนะนำให้สร้างเพจเป็นขอตัวเธอเองเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ประกอบกับเป็นช่วงที่มีโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) เกิดขึ้น ส่งผลทำให้มีแมวและสุนัขเสียชีวิตจำนวนมากจากอาการช็อก กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์จึงมีการเข้ามาสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จนผลิตไม่ทัน ต้องมีการสั่งจองหลังการผลิต และทำให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
สำหรับช่องทางการจำหน่ายในปัจจุบันนั้น ตัวเธอจะดำเนินการผ่านหน้าโรงงาน และหน้าร้าน ในรูปแบบทั้งปลีกและส่ง รวมถึงการจำหน่ายผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “โอ่งเจ้านาย โอ่งแมว เครื่องปั้นดินเผาบ้านน้องจาปุณณ์” และบนช็อปปี้ (Shopee) ส่วนแผนการทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ในระยะต่อไปนั้น จะขยายช่องทางออนไลน์ไปสู่การประชาสัมพันธ์ผ่านอินสตราแกรม (IG) และที่ลาซาด้า (Lazada)
นอกจากนี้ ก็จะมีการส่งผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายที่ร้านขายอุปกรณ์ หรืออาหารสัตว์เลี้ยงทั่วประเทศ โดยล่าสุดมีร้านประเภทดังกล่าวติดต่อเข้ามาเพื่อจะนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตัวเธอยังดำเนินการต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่สัตว์เลี้ยงชนิดอื่นเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นหนูแฮมเตอร์ ,สุนัขขนาดเล็ก และชูการ์ไกลเดอร์ เป็นต้น อีกทั้งยังมีการปรับขนาดผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย และตบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น จากเดิมที่จะมีขนาดตั้งแต่ 4 นิ้วไปจนถึง 21 นิ้ว ก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นเริ่มต้นที่ขนาด 6 นิ้วไปจนถึง 30 นิ้ว
“ผลิตภัณฑ์โอ่งแมวที่ได้รับความนิยมนั้น เกิดจากคุณสมบัติของดินที่นำมาปั้นขึ้นรูปซึ่งมาจากบ้านมอญ ตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยสามารถเก็บกักความชื้นได้เป็นอย่างดี ทำให้โอ่งเกิดความเย็น อีกทั้งยังมีถาดด้านบนที่สามารถใส่น้ำ หรือน้ำแข็ง เพื่อเพิ่มความเย็นให้ลงไปสู่โอ่งได้อีกด้วย”
ใส่ใจทุกรายละเอียดการผลิต
นันทนัช บอกต่อไปอีกว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักแน่นอนว่าย่อมเป็นกลุ่มผู้รักสัตว์ และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้เลี้ยงสัตว์ในระบบปิด เช่น ที่คอนโดมิเนียม หรืออพาร์ทเม้น ซึ่งอากาศจะไม่ค่อยถ่ายเท โดยผลิตภัณฑ์ของตัวเธอจะช่วยเรื่องความผ่อนคลาย และป้องกันโรคเชื้อราที่เกิดกับสัตว์เลี้ยง เพราะสัตว์ส่วนใหญ่จะชอบไปนอนอยู่ตามพื้นห้องน้ำที่มีความชื้นเพื่อความเย็นสบาย
“ปัจจุบันมีคู่แข่งทางการตลาดมากขึ้น ทั้งที่หมู่บ้านเดียวกันเอง และที่จังหวัดอื่น แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าก็ยังคงไว้วางใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของเราจากคุณภาพ และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของลูกค้า”
ทั้งนี้ เครื่องปั้นดินเผาทั่วไปจะทำจากดินเหนียวผสมดินทรายและผสมน้ำตีให้เข้ากันเพื่อให้ออกมาเป็นก้อน แต่ของตัวเธอจะตีดินหลายรอบ ทำให้เนื้องานมีความแตกต่าง ขณะที่กระบวนการปั้นเมื่อดินเริ่มหมาดก็จะทำการขัดให้เรียบเลย ไม่รอให้แห้ง และมีการเก็บขอบทางเข้าเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับทั้งผู้เลี้ยง และสัตว์เลี้ยง
ทั้งนี้ ในปี 62 เชื่อว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 3-4 แสนบาท โดยที่ผลิตภัณฑ์ของตัวเธอจะจำหน่ายได้ดีอย่างมากในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย ขณะที่จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่สร้างความแตกต่างจากผู้ผลิตเจ้าอื่น ซึ่งหันมาทำในรูปแบบเดียวกันหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมอยู่ที่ความเลียบของผลิตภัณฑ์ที่พื้นผิวจะไม่ขรุขระ รวมถึงคุณสมบัติของดินจากบ้านมอญที่มีคุณสมบัติในการเก็บกักความชื้นได้ดี และกระบวนการผลิตที่จะมีการเก็บขอบทางเข้า นอกจากนี้ ยังมีการเคลือบสีกันเชื้อราทั้งด้านนอกและด้านใน เรียกว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์
“เราเป็นทั้งผู้ผลิต และจำหน่าย ที่สำคัญใช้งานเองด้วย เพราะเป็นผู้เลี้ยงแมว จึงทำให้เห็นจุดเด่นจุดด้อยของผลิตภัณฑ์ในการนำมาพัฒนาให้ดี เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสมราคาที่จำหน่าย”