“SHĀN” สร้างจากรักปันธรรมชาติสู่ผู้บริโภค
ผลิตภัณฑ์ที่ดีล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดมาจากผู้ผลิตที่มีแนวคิด หรือไอเดียในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้ออกมาเหมือนกับผลิตออกมาเพื่อใช้งานด้วยตนเอง เมื่อผสมผสานเข้ากับการที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดได้ ก็จะยิ่งปูทางไปสู่ความสำเร็จในการทำธุรกิจได้ในไม่ช้า
แบรนด์ SHĀN เองมีการ Startup ธุรกิจขึ้นมา ด้วยความตั้งใจของ “ธัชมาภรณ์ จันทร์จำรัสแสง” ซึ่งต้องการได้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ระคายเคืองผิว เพื่อนำมาให้คุณพ่อของเธอที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งได้ใช้งาน
จุดเริ่มไอเดีย
ธัชมาภรณ์ เล่าถึงไอเดียที่มาที่ไปในการสร้างธุรกิจ ว่า ด้วยความที่คุณพ่อป่วยเป็นโรคมะเร็ง และต้องทำการรักษาด้วยการทำคีโม โดยผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นก็คือผิวหนังที่แห้งจนเป็นขุย ตัวเธอเอง ซึ่งเป็นลูกสาวจึงต้องหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมาให้ใช้ โดยมีปัจจัยที่สำคัญอย่างมากนั่นก็คือ จะต้องไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตราย ตัวเธอจึงเลือกที่จะไปเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ในลักษณะดังกล่าวจากงานที่เน้นจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติ เพื่อนำมาให้คุณพ่อได้ใช้
เมื่อเห็นว่าคุณพ่อได้ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวแล้วรู้สึกว่าผิวดีขึ้น และไม่เป็นอันตราย ตัวเธอจึงเริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากหลากหลายช่องทางที่สามารถเข้าถึงได้ จนพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติมีหลายแบรนด์ทั้งจากต่างประเทศและของผู้ประกอบการไทย อีกทั้งยังทำให้รู้ว่าน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมีที่ระคายเคืองผิวนั้นดีอย่างมาก ไอเดียในเรื่องของการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเธอเองจึงเริ่มต้นขึ้น เนื่องจากตัวเธอเป็นผู้ที่ชื่นชอบจนถึงขั้นหลงใหลเรื่องกลิ่นที่เป็นพิเศษอยู่แล้วตั้งแต่เล็กจนโต
ทั้งนี้ แบรนด์ที่ตัวเธอสร้างขึ้นมามีชื่อว่า “ฉัน” (SHĀN) เนื่องจากเธอมองว่าเป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นมาจากตัวเธอและเรื่องราวของคุณพ่อ ซึ่งเป็นบุคคลที่รัก โดยที่ตัวเธอพยายามสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้ด้วยความตั้งใจ และต้องการมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีดังกล่าวนี้ให้กับผู้อื่นได้ใช้ ที่สำคัญคุณพ่อของตัวเธอเองก็มักจะพูดอยู่เสมอว่า หากจะทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมา จะต้องทำให้ดีเหมือนกับที่ตัวเราใช้เอง จากพนักงานประจำทางด้านการตลาด และทำเกี่ยวกับงานโฆษณาเลยปรับเปลี่ยนบทบาทกลายมาเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ในที่สุด
กระจายสู่ผู้บริโภค
ธัชมาภรณ์ บอกต่อไปอีกว่า แบรนด์ SHĀN เริ่มต้นเมื่อประมาณปี 2560 โดยมีผลิตภัณฑ์อยู่ 3 ประเภท ประกอบด้วย 1.เจลอาบน้ำที่มีชื่อว่า ฉัน…ตื่น โดยเป็นการนำคุณสมบัติเด่นกลิ่นต่างๆมาผสมผสานกัน เพื่อให้ความสดชื่นกับร่างกายในตอนเช้าและเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงมืออีก 2 ชนิด ได้แก่ ฉัน…ชื่นใจ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ผ่อนคลายจากความเครียด โดยผู้ใช้สามารถนำมาทามือและสูดดมไปได้ในเวลาเดียวกัน ส่วนอีก 1 ชนิดคือ ฉัน…สงบ โดยที่แต่ละชนิดของผลิตภัณฑ์จะมาพร้อมกับมุมบวก และผลลัพธ์ที่ได้ต่ออารมณ์ของผู้ใช้ โดยมีคำว่า “ฉัน” ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์นำหน้าเสมอ
ช่องทางการจำหน่ายแรกทางด้านออฟไลน์ที่แบรนด์เข้าไปวางจำหน่ายคือร้าน All About You ซึ่งเป็นร้านที่จำหน่ายเครื่องสำอาง และสกินแคร์ออร์แกนิกจากทุกมุมโลก โดยที่ปัจจุบันมีการขยายสาขาไปแล้วกว่า 40 สาขาในกรุงเทพมหานคร นอกจากนั้นก็จะมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าอย่างไอคอนสยาม ,เซ็นทรัลเวิร์ล ,สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน เป็นต้น
ขณะที่ช่องทางออนไลน์นั้น แบรนด์จะมีออนไลน์สโตร์เป็นของแบรนด์เอง (SHANORGANIC) รวมถึงมีเฟซบุ๊ก ,เว็บไซด์ และอินสตราแกรม (IG) อีกทั้งยังมีการทำตลาดกับพาสเนอร์ผ่านช่องทางของเคทีซียูชอป (KTC U SHOP) ซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มอำนาจในการตัดสินใจซื้อให้กับลูกค้าได้อีกด้วยผ่านช่องทางของบัตรเครดิตเคทีซี ซึ่งแบรนด์ไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ โดยมองว่าการทำตลาดในรูปแบบดังกล่าวในยุคปัจจุบันมีความสำคัญอย่างมาก เปรียบเสมือนเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน
ด้านกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์จะเป็นกลุ่มของผู้หญิงที่มีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่ายแต่ก็ต้องการการบำรุงโดยมีอายุประมาณ 26-45 ปี มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบคนเมืองที่เร่งรีบ เกิดความเครียดได้ง่าย มีความชื่นชอบกลิ่นหอมที่ช่วยให้ตนเองรู้สึกสบายใจขึ้น และใส่ใจในเรื่องของดีไซน์
เพิ่มช่องทางการทำตลาด
ธัชมาภรณ์ บอกต่อไปว่า กลยุทธ์ในการทำตลาดในระยะต่อไปของแบรนด์นั้น จะมีการต่อยอดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่เป็นมากกว่าสกินแคร์ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ยกตัวอย่างเช่น ล่าสุดแบรนด์จะมี ฉัน…ฝันดี ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทสเปรย์สำหรับฉีดที่หมอน เพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลายเวลานอนหลับที่บ้านตนเอง หรือต้องเดินทางไปสถานอื่นแล้วไม่คุ้นชินกับสถานที่ ช่วยทำให้ผู้ใช้หลับสบายขึ้น พร้อมกันนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ แบรนด์จะมีเซ็ทของขวัญปีใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อไปมอบให้กับบุคคลพิเศษอีกด้วย
ขณะที่ภายในเซ็ทจะประกอบด้วย ถุงหินหอมภูเขาไฟ ที่สามารถนำไปวางไว้ยังห้องต่างๆ หรือภายในรถได้ตามต้องการ และผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่าฉัน…ฝันดี เป็นต้น โดยจะเป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นเฉพาะเทศกาลปีใหม่เท่านั้น ซึ่งปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ แบรนด์เริ่มต่อยอดผู้บริโภคไปสู่กลุ่มที่เป็นผู้ชายมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาเริ่มมีกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ (GLBT) หันมาให้ความสนใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แล้วมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“แบรนด์ยังได้ร่วมมือกับนักออกแบบลายกราฟฟิก (IIIustrator) ระดับโลก เพื่อสร้างสรรค์แพคเกจจิ้งที่มีความพิเศษเฉพาะ โดยเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการเข้ามาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคได้ โดยแบรนด์ต้องการให้แต่ละปีแห่งการมอบของขวัญปีใหม่มีความพิเศษ ดังนั้น แบรนด์จึงต้องการเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะมอบสิ่งดีๆให้กับผู้บริโภคในช่วงเวลาที่พิเศษ”
ส่วนของออนไลน์สโตร์นั้น ได้มีออนไลน์สโตร์จากผู้ประกอบการรายอื่นก็มีติดต่อเข้ามาที่แบรนด์เช่นเดียวกัน เพื่อให้นำผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่าย แต่ ณ ปัจจุบันแบรนด์มองว่าที่มีอยู่ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ในอนาคตแบรนด์อาจจะมีการขยายช่องทางการจำหน่ายทางด้านออฟไลน์ไปสู่หัวเมืองขนาดใหญ่ในประเทศ จากเดิมที่จะมีจำหน่ายเฉพาะในกรุงเทพฯเท่านั้น นอกจากนี้ ตัวเธอเองยังมีแผนที่จะไปศึกษาหาความรู้เรื่องกลิ่นเพิ่มเติม เพื่อนำมาปรับประยุกต์และต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้เป็นกลิ่นเฉพาะพิเศษสำหรับแบรนด์เท่านั้น
ด้านตลาดต่างประเทศล่าสุดแบรนด์เพิ่งไปออกงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับความงามที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียที่ประเทศฮ่องกงมา โดยได้รับความสนใจจากผู้ที่จะซื้อ (Buyer) เพื่อนำไปจำหน่ายในหลายประเทศ เช่น จีน ,สิงคโปร์ และฮ่องกง เป็นต้น ซึ่งหลังจากนี้ะก็จะต้องมีการเจรจาทางการค้า เพื่อหาข้อสรุปทางธุรกิจต่อไป
“จุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่เรื่องของกลิ่น ซึ่งจะมีความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยแบรนด์จะมีการผสมผสานกลิ่นให้ออกมาเหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่มีแค่กลิ่นเดียวโดดๆในผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องของการบำรุงผิว ซึ่งได้จากน้ำมันสกัดนำเข้าจากต่างประเทศทั้งอังกฤษ โมร็อกโก แอฟริกา และยุโรป โดยมีน้ำมันสกัดบางชนิดที่มาจากไทย ขณะที่ทุกชนิดจะมาจากธรรมชาติทั้งหมด ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายเจือปน