“เพลิน” กล้วยหอมทองไทยแท้แปรรูปเงินล้าน
จากพนักงานบริษัทเอกชนข้ามชาติของประเทศไต้หวัน ซึ่งสำเร็จการศึกษาเพียงแค่ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทางด้านบัญชี แต่ต้องการหาประสบการณ์ในการทำงานมากกว่าที่จะศึกษาต่อในระดับต่อไปให้สูงขึ้น โดยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่แทบทั้งหมดของโรงงาน ซึ่งก็สามารถทำได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง
นอกจากนี้ ยังเคยอยู่กองคาราวานจำหน่ายสินค้าที่ต้องเดินทางไปทั่วประเทศตามจังหวัดต่างๆ ที่สำคัญที่บ้านยังเปิดเป็นร้านโชว์ห่วย ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ได้หล่อลอมให้ “วันดี ไพรรักษ์บุญ” เป็นหญิงสาวที่มากด้วยประสบการณ์รอบด้านเกี่ยวกับการทำธุรกิจ จนตัวเธอได้มีโอกาสสร้างธุรกิจร่วมกับร่วมกับชุมชน และ Start up ธุรกิจขึ้นมา โดยมีชื่อแบรนด์อย่างเป็นทางการว่า “เพลิน”
-จากพนักงานบริษัทสู่ธุรกิจ
วันดี ในฐานกรรมการ บริษัท บ้านเพลิน จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นไอเดียในการสร้างธุรกิจ ว่า ปัจจุบันเธอก็ยังทำงานให้กับบริษัทจากไต้หวัน เพียงแต่ว่าตัวของบริษัทได้ย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่ประเทศเวียดนามหลังจากที่หมดสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) ในประเทศไทย โดยที่ตัวเธอคอยทำหน้าที่จัดซื้อวัตถุดิบส่งไปยังเวียดนาม
จากจุดเปลี่ยนดังกล่าวทำให้ตัวเธอพอที่จะมีเวลาว่าง และได้มีโอกาสไปทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลบัญชีให้กับกองทุนหมู่บ้าน โดยที่ช่วงหนึ่งรัฐบาลมีนโยบายต้องการให้สร้างกิจกรรมที่จะทำให้ชุมชนมีรายได้ ตัวเธอจึงเกิดไอเดียที่จะรวมกลุ่มคนในชุมชนขึ้นมา เพราะตัวเธอมีความชำนาญเรื่องการจำหน่ายสินค้า ซึ่งรู้ว่าอะไรที่ขายได้ง่าย และอะไรที่ขายยาก โดยในครั้งแรกสามารถรวมกลุ่มได้ 16 คน มีเงินทุนตั้งต้นประมาณ 6,000 บาท
ผลิตภัณฑ์ที่คิดไว้ในช่วงแรกคือมะพร้าว กับกล้วยที่จะนำมาแปรรูป โดยให้ทกคนในกลุ่มแสดงความคิดเห็นเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจากการพิจารณาอย่างรอบด้าน ตัวเลือกสุดท้ายก็คือ กล้วย และนั่นเองจึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของชุมชนในรูปแบบของกล้วยหอมทองอบเนย แบบชิ้นยาว
“ในช่วงแรกเราใช้ชื่อแบรนด์ว่า สามพราน เพราะเราเป็นชุมชนที่เกิดขึ้นจากที่นั่น แต่ติดปัญหาตรงที่หากยังใช้แบรนด์ดังกล่าวนี้ต่อไปจะไปตรงกับชื่อของอำเภอ ที่สำคัญจะไม่สามารถสร้างโลโก้ หรือสร้างแบรนด์ที่เป็นของตนเองได้ จึงเปลี่ยนมาใช้แบรนด์ เพลิน ในที่สุดจนถึงปัจจุบัน”
-ต่อยอดผลิตภัณฑ์เพิ่มฐานลูกค้า
วันดี บอกต่อไปว่า ช่องทางการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “เพลิน” ในปัจจุบันอยู่ที่อยู่ที่เลมอน ฟาร์ม (Lemon Farm) ,คิงเพาวเวอร์ ,ร้านสพาร์ (SPAR) ในปั๊มน้ำมันบางจาก และการทำตลาดร่วมกับบริษัทนำเที่ยวต่างๆ เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์แบรนด์เพลินประกอบด้วย กล้วยทอดในรูปแบบสแนค ,กล้วยอบกรอบรสวาซาบิ ,บาบีคิว ,ปาปิก้า และสาหร่าย โดยทุกรสชาติจะไม่มีส่วนประกอบของผงชูรส และทองม้วนกล้วย
ส่วนกลยุทธ์ในการขยายตลาดเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า เพิ่มรายได้ของแบรนด์ปีนี้ จะมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการขยายตลาดในประเทศ แบรนด์จะมีการดำเนินการต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่การนำผลผลิตทางการเกษตรชนิดอื่นมาแปรรูป ล่าสุดแบรนด์ได้นำขนุนพันธุ์เพชรราชามาแปรรูปในรูปแบบเดียวกับกล้วยทั้งหมด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าและขยายตลาดให้กว้างมากขึ้น
นอกจากนี้ยังเตรียมนำ มันไทย มาแปรรูปในลักษณะเดียวกัน และมะม่วงสุกอบแห้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การแปรรูปของผลผลิตทางการเกษตรดังกล่าวทั้ง 2 ชนิดอาจจะไม่ได้มีทุกรูปแบบเหมือนกล้วย เนื่องจากด้วยลักษณะของวัตถุดิบที่แตกต่างกัน โดยแบรนด์จะเลือกแปรรูปให้เหมาะสมมากที่สุดกับวัตถุดิบแต่ละชนิด อย่างไรก็ดี แบรนด์ยังมีแนวคิดที่จะขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่กลุ่มของผู้ที่มีรายได้ระดับกลางจนถึงล่าง จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์จะอยู่เป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูง
สำหรับรูปแบบในการขยายกลุ่มลูกค้าดังกล่าวนั้น จะเป็นการเพิ่มแบรนด์ขึ้นมาอีกแบรนด์หนึ่งโดยเฉพาะเพื่อทำตลาด เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน โดยที่กระบวนการผลิตทุกอย่างจะเหมือนเดิม เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนแปลงในส่วนของวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยทำให้สามารถทำราคาจำหน่ายได้ตามที่ต้องการ
-สยายปีกออกต่างประเทศ
วันดี บอกต่อไปว่า การทำตลาดต่างประเทศนั้นล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการทดลองตลาดผ่านงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติ หรือไทยเฟล็ก 2019 (THAIFEX-Word of Food Asia 2019) โดยได้รับความสนใจจากลูกค้าต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทั้งญี่ปุ่น ,เกาหลี ,ไต้หวัน ,จีน และประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งหลังจากนี้แบรนด์จะต้องกลับมาดูภาพรวมขององค์กร รวมถึงแหล่งผลิตและมาตรฐานว่ามีความพร้อมหรือไม่ อีกทั้งยังจะต้องพิจารณาด้วยว่าคู่ค้าจากประเทศใดให้ราคาได้สมเหตุสมผลมากที่สุด
“การส่งออกไปยังแต่ละประเทศต่างก็มีมาตรฐานที่เป็นของประเทศตนเอง ดังนั้นการออกงานดังกล่าวจึงเสมือนเป็นการโยนหินถามทางว่าแบรนด์จะดำเนินไปในทิศทางใด เพื่อให้เหมาะสมกับองค์กรธุรกิจโดยรวม เพราะแบรนด์ไม่สามารถที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐานของทุกประเทศได้ เนื่องจากต้องใช้งบลงทุนสูง ดังนั้นจึงต้องเลือกว่าควรจะนำผลิตภัณฑ์ส่งออกไปยังประเทศใด”
จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาทในปีนี้ โดยเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 40 ล้านบาท ขณะที่จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “เพลิน” อยู่ที่การคัดสรรวัตถุดิบที่เป็นกล้วยหอมทองไทยแท้จาก 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครปฐม ,เพชรบุรี ,ชุมพร และราชบุรี ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับที่ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยเมื่อนำมาแปรรูปจะได้กล้วยหอมที่กรอบ ชิ้นบาง ไม่เหม็นหืน พร้อมกันนี้ยังมีการให้บริการ และใส่ใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐาน.