ยางรองส้นเท้า “PY” ผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยมีสิทธิบัตรรับรอง
งานวิจัยจากนักศึกษาในประเทศไทยมีอยู่มากมาย ทั้งที่สามารถนำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายตอบความต้องการของผู้บริโภค และที่ต้องกลายเป็นงานวิจัยขึ้นหิ้งก็มีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก เพราะไม่มีผู้ที่สานต่อ และพัฒนาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์
แบรนด์ “PY” คือหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นมาจากงานวิจัยในระดับมหาวิทยาลัย และสามารถนำมาต่อยอดปรับประยุกต์จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อ Startup ให้กลายเป็นธุรกิจสร้างรายได้หลังจากเรียนจบได้เป็นอย่างดี ภายใต้การบริหารจัดการของ “วรรษิษฐา แก้วบุญ” และกลุ่มเพื่อน
จากงานวิจัยสู่ธุรกิจ
วรรษิษฐา ในฐานะผู้ถือหุ้น บริษัท รับเบอส์ อินโนเทค จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เพียงยาง จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจ ว่า เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่เพื่อนของตนกำลังศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีเมื่อปี 50-51 คณะวิศวะกรรมศาสตร์ โดยที่ระหว่างเรียนจะต้องทำโปรเจคเกี่ยวกับวัสดุ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าจำนวน 8% ของประขากรในประเทศมีปัญหากับอาการปวดส้นเท้า
หลังจากนั้น เมื่อเพื่อนของตนได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ก็ได้มีโอกาสทงานวิจัยเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมจนสามารถนำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้งานจริงได้ และได้มีการจดสิทธิบัตรอย่างถูกต้อง โดยก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาทางมหาวิทยาลัยเห็นว่างานวิจัยดังกล่าวน่าจะนำมาต่อยอดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในเชิงธุรกิจได้ ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) จึงได้ร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์ก่อตั้งโรงงานต้นแบบขึ้นมา เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ และเป็นศูนย์ให้ความรู้
ทั้งนี้ ยางรองส้นเท้า (Heelsoother) ยางพาราแบรนด์ “PY” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทางการตลาดของผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพของส้นเท้า โดยใช้กลยุทธ์การทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์บนเฟสบุ๊ก และเว็บไซด์เป็นหลักในระยะแรก เนื่องจากมองว่าเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มของผู้บริดภคได้ทุกกลุ่ม และได้ทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ แต่มีประสิทธิภาพสูง
เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวและร้านขายยา
วรรษิษฐา บอกต่อไปอีกว่า กลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทปีนี้จะมุ่งเน้นการเจาะตลาดไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย โดยจะเป็นการดำเนินการผ่านบริษัทนำเที่ยว (ทัวร์) เนื่องจากมองว่ากลุ่มเป้าหมายดังกล่าวน่าจะมีความต้องการใช้งาน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในเวลาที่ต้องเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ
นอกจากนี้ ยังจะดำเนินการจำหน่ายผ่านร้านขายยา เนื่องจากมองว่าเป็นจุดศูนย์รวมของผู้ที่ประสบปัญหาทางด้านสุขภาพมักจะนึกถึงเป็นอันดับแรก ซึ่งขั้นตอนล่าสุดในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาทางธุรกิจกับร้านขายยาขนาดใหญ่ที่มีแฟรนไชน์ทั่วประเทศ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านขายยาตามหัวเมืองขนาดใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร ,หาดใหญ่ และเชียงใหม่ เป็นต้น
“ที่ผ่านมาบริษัทฯค่อนข้างทำตลาดได้ช้า บริษัทฯจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัท เพียงยางฯ โดยมุ่งหวังให้เป็นช่องทางที่ใช้สำหรับระดมทุนก้อนใหม่เพื่อใช้ในธุรกิจ รวมถึงการพัฒนา และวิจัยผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่สำคัญยังเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์แบรนด์ PY โดยเฉพาะ ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายเดิมบนออนไลน์ผ่านเฟสบุ๊ก และเว็บไซด์บริษัทก็ยังจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง”
มีอนุสิทธิบัตรรับรองอย่างถูกต้อง
นายวรรษิษฐา กล่าวปอีกว่า จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 6 ล้านบาทในปีนี้ โดยเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาเกิน 100% ซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 500,000 บาท เนื่องจากบริษัทจะมีลูกค้ารายใหญ่ที่เข้ามาซื้อผลิตภัณฑ์มากขึ้น
“ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) มีส่วนช่วยสนับสนุนธุรกิจของบริษัท ผ่านการอบรมภายใต้โครงการติดปีกเอสเอ็มอีด้านยางพารา โดยทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของบริษัทได้ อีกทั้งยังมอบสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการทำธุรกิจให้กับบริษัทด้วย แต่ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจเรื่องดังกล่าวนี้อยู่”
ด้านจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “PY” นั้น อยู่ที่การเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นงานวิจัย ซึ่งมีอนุสิทธิบัตรรับรองอย่างถูกต้อง โดยมีการเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ถึงผลลัพธ์จากการใช้งานว่าสามารถช่วยลดแรงกระแทกได้จริง ซึ่งผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไปใช้งานแล้วกว่า 90% พึงพอใจ ขณะที่บางรายใช้งานแล้วพบว่าหายจากอาการปวดส้นเท้าที่เคยเป็นอยู่ได้จริง จำทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับความสนใจ และมีการบอกต่อกันไปแบบปากต่อปากถึงสรรพคุณในการใช้งาน
เบอร์ติดต่อ : 081-7669373 คุณวรรษิษฐา แก้วบุญ