“Mazsale”ศูนย์รวมสินค้าราคาส่งบนโลกออนไลน์
เอสเอ็มอี หรือผู้ผลิตมีปัญหาข้อหนึ่งที่เหมือนกันก็คือการระบายสินค้าออกไป โดยทุกรายผลิตได้แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกรายจะจำหน่ายเป็น และจำหน่ายถูกที่ถูกทาง โดยจากปัญหาดังกล่าวได้จุดประกายไอเดียในการสร้างธุรกิจให้กับ 2 พี่น้องอย่าง “พิศร และจิรวัชร์ จึงวิวัฒน์อนันต์” ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารร่วม บริษัท แมชเซล เซ็นเตอร์ จำกัด
จนกลายเป็นระบบปฏิบัติการ หรือแพลตฟอร์ม (Phatfrom) ที่จะคอยรวบรวมผลิตภัณฑ์จากเจ้าของโรงงาน หรือผู้ผลิตโดยตรงที่เป็นเจ้าของแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาไว้ด้วยกันภายใต้ชายคาของโลกออนไลน์ที่มีชื่อว่า “MazSale” (www.Mazsale.co.th)
-ก่อกำเนิด MazSale
พิศร บอกถึงแนวคิดในการทำธุรกิจว่า มาจากความต้องการแก้ปัญหาให้กับทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ผลิต ซึ่งอาจจะขาดศักยภาพในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผู้ซื้อที่เป็นผู้บริโภคอย่างแท้จริง และผู้ซื้อที่ต้องการนำไปจำหน่ายต่อ เพื่อทำเป็นธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการดำเนินการผ่านช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) จากเดิมที่จะเห็นว่าแพลตฟอร์มส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการแก้ปัญหาให้กับทางฝั่งของผู้ซื้อเท่านั้น
พันธกิจหลักของ MazSale ก็คือ ต้องการทำให้คนมีของขาย ขายเป็น ขายได้ และมีที่ขาย โดยบนแพลตฟอร์มจะเป็นการรวบรวมสินค้าจากใน และต่างประเทศมาสร้างเป็นอาณาจักรของแหล่งสินค้าราคาส่ง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และต้นทุนในการสต็อกสินค้า ที่สำคัญยังจะได้สินค้าในราคาจากผู้ผลิตอย่างแท้จริง ส่วนของเอสเอ็มอีนั้น บริษัทจะมุ่งเน้นการนำสินค้าของวิสหกิจไทยขนาดย่อย หรือสินค้าโอท็อป (OTOP) มาเพิ่มศักยภาพการส่งออก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าออนไลน์
“จากจำนวนตัวเลขของเอสเอ็มอีประมาณ 2.7 ล้านรายนั้น ปรากฎว่ามีเอสเอ็มอีเพียง 4-5 หมื่นรายเท่านั้นที่ส่งออกได้จริง ซึ่งถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำมาก ในขณะที่เอสเอ็มอีที่ขาดศักยภาพในการส่งออกมีมากถึง 90% เราจึงต้องการเข้ามาช่วยส่งเสริมและแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ให้ เพื่อนำผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการรายย่อยมาจำหน่ายทั้งในรูปแบบปลีกและส่ง โดยเน้นไปที่การจำหน่ายแบบส่งทั้งในและต่างประเทศ”
–สนองความต้องการหลากหลาย
จิรวัชร์ เสริมว่า ปัจจุบันมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ (GEN-Y) ต้องการลองอะไรที่แปลกใหม่ และมีความคิดที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการเอง และสร้างธุรกิจขึ้นเอง โดยเมื่อต้องการขายของ สิ่งแรกที่ต้องคิดก็คือต้องหาของมาขายให้ได้ก่อน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ คนเหล่านั้นมักจะไปที่ย่านค้าส่งต่างๆ เช่น สำเพ็ง โบ๊เบ๊ ประตูน้ำ เป็นต้น แต่แพลตฟอร์มของ MazSale จะช่วยลดขั้นตอนดังกล่าวนี้ให้สะดวกสบาย และง่ายมากขึ้น เพียงแค่เข้ามาใช้บริการบนเว็บไซด์ก็จะได้พบกับสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรง และยืนยันได้ว่าเป็นสินค้าราคาส่งที่ปราศจากพ่อค้าคนกลางเข้ามาแสวงหาผลกำไร
ผู้ที่เป็นเจ้าของร้านโชว์ห่วย หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ โดยจุดเด่นของ MazSale อยู่ที่รูปแบบในการให้บริการที่คำนึงถึงผู้ใช้งานอย่างแท้จริง โดยหากเป็นผู้ประกอบการที่มีสินค้าจำหน่ายอยู่แล้ว ก็เพียงแค่นำสินค้ามาวางบนเว็บไซด์เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ซื้อได้พบเห็นโดยง่าย ซึ่งจะเสียค่าบริการเพียงเดือนละ 1,000 บาท หรือหากยังไม่มีเว็บไซด์ บริษัทก็สามารถช่วยทำให้ได้พร้อมบริการวางสินค้าบน MazSale ในอัตราเดือนละ 18,000 บาท หรือหากต้องการทำเว็บไซด์พร้อมวางระบบการบริหารจัดการร้านแบบมืออาชีพ (POS) และวางสินค้าบนเว็บไซด์ ก็จะมีอัตราค่าบริการอยู่ที่ 29,000 บาทโดยในช่วยแรกจะยังไม่คิดค่าบริการในเดือนแรกที่สมัครเป็นสมาชิก
อย่างไรก็ดี MazSale ยังมีบริการ Dropship ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ปัญหาให้ของการสต็อกสินค้า รวมถึงเงินทุนที่จะต้องถูกนำมาจ่ายก่อน และการแพคสินค้าส่ง ผู้ใช้บริการสามารถบวกกำไรเข้าไปอยู่ในราคาสินค้าได้ โดยที่ไม่ต้องทำการจัดส่ง เพียงแค่รับออเดอร์มาทำและทำรายการผ่านระบบ บริษัทจะจัดส่งสินค้าไปยังปลายทางให้ทันที ซึ่งจะคิดค่าบริการเพียงเดือนละ 1,899 บาท โดยของที่ส่งไปจะเป็นชื่อของลูกค้าไม่ใช่ชื่อบริษัท ซึ่งความพิเศษที่แตกต่างจากการต้องไปเดินเลือกหาสินค้าเองก็คือ การมีคะแนนสะสมเพื่อนำไว้ใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าในครั้งต่อไป
“ผู้ที่ต้องการขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ เพียงแค่นำรูปภาพสินค้าที่ตนเองสนใจจากเว็บไซด์ไปทำการประชาสัมพันธ์การขายได้ทันที โดยที่ไม่ต้องมีการสต็อกสินค้าให้ต้นทุนจม เมื่อมีลูกค้าสนใจซื้อสินค้าก็เพียงแค่มาดำเนินการผ่าน MazSale ระบบก็จะดำเนินการแพคและจัดส่งสินค้าให้”
-รายได้ 10 ล้านปี 61
พิศร บอกอีกว่า ช่องทางในการทำตลาดเพื่อกระจายสินค้าให้กับผู้ใช้บริการนั้น บริษัทจะดำเนินการในรูปแบบของธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) โดยจะเป็นห้างสรรพสินค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องการสินค้าแปลกใหม่ไปวางจำหน่าย แต่เอสเอ็มอีอาจจะเข้าไม่ถึง อีกทั้งยังมีการเจาะตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภค (B2C) โดยจะเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสินค้าแปลกใหม่ หรือนำสินค้าไปจำหน่ายต่อ และร้านโชว์ห่วยที่มีอยู่กว่า 4 แสนรายทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้การกระจายสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นในต่างจังหวัด
บริษัทยังมีช่องทางในการประชาสัมพันธ์เว็บผ่านทางกูเกิ้ล (Google) หรือเฟสบุ๊ก (Facebook) โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน โดยมีมีคอนเซปป์ว่าคุณเก่งเรื่องของ เราเก่งเรื่องขาย เพราะเอสเอ็มอีแทนที่จะต้องหาคนมานั่งทำการตลาด หรือบริหารจัดการสต็อก ซึ่งกลายเป็นว่าแบกรับต้นทุนโดยไม่จำเป็น เราต้องการให้เอสเอ็มอีมีหน้าที่ในการพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยเรามีหน้าที่นำสินค้ามาทำตลาดให้
“เดิมทีผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าไปจำหน่ายต่อจะต้องเดินทางไปยังแหล่งขายสินค้าส่ง หรือหากเป็นร้านโชว์ห่วยก็จะต้องเดินทางไปซื้อยังศูนย์จำหน่ายสินค้าราคาส่ง ทำให้ต้องเสียเวลาและต้องมีเงินทุนในการสต็อกสินค้า แต่หากมาใช้บริการ MazSale ขั้นตอนดังกล่าวเหล่านี้จะหายไป ส่วนระบบการชำระเงินก็จะมีให้เลือกเกือบทุกช่องทางเท่าที่จะมีการเปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน”
จิรวัชร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีแรกบริษัทจะมุ่งเน้นการกระจายสินค้าให้ทั่วอาเซียน โดยที่ปัจจุบันมีผู้เข้าชมเว็บไซด์ 1 แสนรายต่อเดือนสำหรับประเทศไทย ส่วนต่างประเทศจะเปิดให้บริการเดือนตุลาคมนี้ และจะเปิดให้บริการผ่านแอพพิเคชั่นภายในสินปี 61 โดยวางเป้าหมายทางด้านรายได้เอาไว้ที่ 10 ล้านบาทในปี 61 และมีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซด์ 3 แสนรายต่อเดือน มีจำนวนผู้ใช้งาน 1 หมื่นราย โดยมีจำนนวนสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการ 2.5 พันราย ขณะที่ในปี 62 ตั้งเป้าจะมีรายได้ที่ 50-80 ล้านบาท ซึ่งจะมีผู้เข้าชมเว็บไซด์ 1 ล้านรายต่อเดือน มีจำนวนผู้ใช้งาน 3 แสนราย และมีจำนวนสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการ 2 หมื่นราย.