“ขวัญมุย”รังนกแอ่นคุณภาพจากประสบการณ์มากกว่า 20 ปี
ธุรกิจบางครั้งก็เริ่มต้นมาจากสิ่งรอบตัว หรือสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดจะเลือกหยิบจับสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และสร้างจุดแข็ง ให้กับธุรกิจ
“กมลศักดิ์ เลิศไพบูลย์” คือชายหนุ่มผู้สร้างธุรกิจขึ้นมาจากการรังสรรค์ของธรรมชาติจากสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีการใช้น้ำลายเพื่อทำรัง แต่รังนั้นกลับมีคุณประโยชน์ และสรรพคุณที่เลอเลิศ เมื่อถูกนำไปปรุงแต่งให้กลายเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ โดยเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จนสามารถ Startup ธุรกิจขึ้นมาได้ภายใต้แบรนด์ “ขวัญมุย”
–จุดเริ่มต้นจากธรรมชาติ
กมลศักดิ์ ในฐานะเจ้าของกิจการ บริษัท ขวัญมุย จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจ ว่า ต้องย้อนกลับไปในช่วงตั้งแต่ปี 2538 โดยเกิดขึ้นมาจากการที่ข้างบ้านของตนมีนกแอ่น (Swiftlets) เข้ามาอาศัยอยู่ และใช้พื้นที่ภายในบ้านหลังนั้นในการทำรัง ซึ่งในช่วงเวลานั้นรังนกแอ่นถือว่าเป็นธุรกิจที่ดีมาก เพราะราคาของรังนกแอ่นสามารถขายได้ถึงกิโลกรัมละเกือบ 1 แสนบาท โดยเดือนหนึ่งหากเข้าไปเก็บรังนกแอ่นแค่เพียง 1 ครั้ง ก็จะได้ผลตอบแทน 2-3 แสนบาทต่อเดือนเลยทีเดียว
หลังจากนั้น ตนจึงเริ่มหาวิธีการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการต่างๆที่เกี่ยวกับรังนกแอ่น ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องดังกล่าวนี้มากนัก อย่างไรก็ดี ในตอนนั้นตนได้มีโอกาสสร้างบ้านรังนกที่ถูกออกแบบมาจากประเทศอินโดนีเซีย ตนจึงเกิดไอเดียในการทำธุรกิจเกี่ยวกับรังนกแอ่นอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนั้น เนื่องจากตนเองก็จบทางด้านเภสัชกรรมาทำให้พอที่จะรับรู้ถึงสรรพคุณของรังนกแอ่น ซึ่งถูกนำมาทำเป็นอาหารเพื่อรับประทานในการบำรุงร่างกายตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
“ตนได้มีการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องรังนกแอ่นเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถชี้นำบุคคลอื่นเกี่ยวกับเรื่องของรังนกแอ่นได้ และยังมีโอกาสได้ไปสร้างบ้านรังนกแอ่นให้กับผู้อื่นอีกเป็นจำนวนมาก”
–ชูกรดเซียริกสร้างจุดสนใจให้ลูกค้า
กมลศักดิ์ บอกต่อไปอีกว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับรังนกแอ่น ของบริษัท ประกอบไปด้วย 1.รังนกดิบตามธรรมชาติ, รังนกที่นำมาทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว, สารสกัดรังนก, ผงรังนก, เครื่องสำอางรังนก และล่าสุดกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า รังนกชงละลาย โดยการดำเนินธุรกิจของบริษัทจะเป็นรูปแบบของการเป็นผู้ผลิต และส่งต่อรังนกไปยังตลาดที่ต้องการมากกว่า
“รังนกดิบตามธรรมชาติ และรังนกที่ถูกทำความสะอาดแล้วของบริษัทจะถูกจำหน่ายตามความต้องการของลูกค้าจากประเทศจีน ส่วนสกัดจากรังนก และผงรังนกจะเป็นการจำหน่ายให้กับลูกค้าองค์กร (B2B) ขณะที่เครื่องสำอางจะมีตัวแทนจำหน่ายซึ่งมารับผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายต่ออีกทอดหนึ่ง โดยทั้งหมดจะอยู่ภายใต้แบรนด์ ขวัญมุย ยกเว้นเครื่องสำอางจะอยู่ภายใต้แบรนด์ KMS ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนั้น บริษัทไม่ได้ทำตลาดด้วยตนเองเลย โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องสำอาง กลุ่มตัวแทนจำหน่ายจะใช้ช่องทางออนไลน์เป็นกลยุทธ์ในการทำตลาด”
ขณะที่ในส่วนของรังนกชงละลายที่บริษัทกำลังวิจัย และพัฒนาอยู่นั้น ได้มีบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศไทยเข้ามาเจรจาตกลงทำสัญญาทางการค้า (MOU) เพื่อขอรับซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทั้งหมดของบริษัทไปเรียบร้อยแล้ว เรียกว่ามีตลาดรองรับในทันที
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้การผลิตของบริษัทนั้น จะเลือกหยิบยกสรรพคุณของกรด เซียริก (N-acetylneuraminic acid : NANA) ซึ่งเป็นสารที่จะกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกาย โดยเป็นคุณสมบัติสำคัญของรังนกแอ่นที่จะต้องมีมานำเสนอต่อลูกค้ามากกว่าที่จะหยิบยกเรื่องของโปรตีนที่คนส่วนใหญ่มักจะชอบพูดถึง ซึ่งในต่างประเทศอย่างประเทศจีน, มาเลย์เซีย และญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับสรรพคุณของกรดเซียริกที่อยู่ในรังนกเป็นอย่างมาก แต่ในประเทศไทยยังมีค่อยมีการพูดถึงกรดเซียริกเท่าใดนัก
-สร้างความแตกต่างในตลาด
กมลศักดิ์ บอกอีกว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) มีส่วนช่วยสนับสนุนธุรกิจให้สามารถขยายตัวเดินหน้าต่อไปได้ผ่านการให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันตามโครงการของรัฐบาล อีกทั้งยังช่วยในการประชาสัมพันธ์ ทำให้บริษัท และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของบริษัทนั้น ไม่ได้มีความสลับซับซ้อนอะไรแต่อย่างใด เป็นหลักคิดง่ายๆในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้มีความแตกต่างจากที่มีอยู่ตลาด เพื่อสร้างพื้นที่ทางการตลาดให้กับตนเอง เพราะบริษัทเป็นเพียงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งมีเงินทุนไม่มาก ดังนั้น จึงต้องสร้างจุดยืน หรือจุดแข็งให้กับบริษัท มากกว่าการทุ่มเงินไปกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามกลยุทธ์ของบริษัทขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ด้วยความที่มีความรู้ทางด้านเภสัชกร การนำหลักทางวิทยาศาสตร์มารองรับผลิตภัณฑ์ก็เป็นการช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับจากลุกค้าได้มากขึ้น.