“CAKE CODE”เบเกอรี่เชิงสร้างสรรค์

มีใครคนหนึ่งเคยบอกว่าคนเราไม่จำเป็นต้องมีอาชีพเพียงอย่างเดียว เราสามารถทำหลายอาชีพควบคู่กันไปได้ เพื่อตามหาความฝัน หรือความสุขของชีวิตที่แท้จริง และเพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้เพิ่มมากขึ้น “ก้องกฤษณ์ นิลวิเชียร” คือชายหนุ่มที่สามารถประกอบชีพ 2 ด้านไปพร้อมๆกัน ทั้งงานประจำและงานเสริม จนพัฒนาให้กลายเป็นธุรกิจส่วนตัวและ Startup ธุรกิจขึ้นมาได้ภายใต้แบรนด์ “Cake Code”
-ต่อยอดความรู้สู่ธุรกิจ
ก้องกฤษณ์ เจ้าของธุรกิจ เบเกอรี่แบรนด์ “Cake Code” เล่าย้อนกลับไปให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของไอเดียในการทำธุรกิจ ว่า เดิมทีตนเองทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มากว่า 20 ปี จนวันหนึ่งก็มีแนวคิดที่ต้องการจะมีธุรกิจเป็นของตนเอง โดยมองว่าน่าจะเลือกจากความเชี่ยวชาญและความชำนาญของตนเองมาต่อยอดให้กลายเป็นธุรกิจ ซึ่งตามปกติจะต้องคลุกคลีอยู่กับอาหาร รวมถึงเครื่องดื่ม และการให้บริการ เพราะฉะนั้นธุรกิจที่จะทำจึงอยู่ในกลุ่มดังกล่าวเหล่านี้

ทั้งนี้ จากการพิจารณาอย่างรอบครอบภายใต้กลุ่มความเชี่ยวชาญของตนแล้ว เบเกอรี่คือสิ่งที่ตนเองมีความคุ้นเคยและใกล้ตัวมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังต่างประเทศ ได้เห็นร้านคาเฟ่ในรูปแบบต่างๆ และเบเกอรี่ที่หลากหลาย ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าน่าจะทำเบเกอรี่เป็นธุรกิจ และสร้างแบรนด์ขึ้นมาให้เป็นของตนเอง โดยในช่วงต้นของธุรกิจเป็นการดำเนินการในรูปแบบของการทำควบคู่ไปกับงานประจำ แต่ก็มีเป้าหมายว่าสักวันหนึ่งธุรกิจเบเกอรี่ที่เลือกจะทดแทนงานประจำได้ โดยใช้ชื่อแบรนด์ “Cake Code” มาตั้งแต่ต้น
“ชื่อ Cake Code เป็นชื่อที่ตั้งมาตั้งแต่ต้นที่เริ่มทำธุรกิจ โดยแปลความหมายง่ายๆก็คือโค้ดลับของความอร่อย ซึ่งเมื่อก่อนคิวอาร์โค้ดยังไม่เป็นที่รู้จัก ส่วนใหญ่จะใช้เป็นบาร์โค้ดแบบแท่ง โดยตนเองมองว่าเท่ห์ดีเลยนำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ เพื่อให้แทนว่าเป็นเค้กหน้าต่างๆที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรสชาติ”
สำหรับการทำเบเกอรี่ของตนนั้น ความคิดสร้างสรรค์หรือไอเดียที่จะสอดแทรกลงในเบเกอรี่ถือว่าเป็นพื้นฐานหลัก โดยในช่วงเริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ “Cake Code” เป็นเจ้าแรกที่เลือกใช้วัตถุดิบที่ Low Fat, Low Sugar, No Margarine, No Transfat, No Preservatives ทำให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี โดยที่ในช่วงแรกของการทำตลาดจะเป็นรูปแบบของการทำแล้วส่งไปขายยังร้านกาแฟที่ต่างๆ ซึ่งจะใช้ช่วงเวลาว่างที่ไม่ได้มีไฟท์บินมาทำเบเกอรี่
-อร่อยแบบสร้างสรรค์
ก้องกฤษณ์ บอกต่อไปอีกว่า ตนพยายามใส่ไอเดียเข้าไปในส่วนของเค้ก โดยจริงๆแล้วเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ “Cake Code” เป็นเค้กหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่เฉพาะแค่เค้กมะพร้าวเท่านั้น เพียงแต่เค้กมะพร้าวเป็นเค้กประเภทหนึ่งที่ฮอตฮิตอย่างมาก ตนจึงมีการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ลงไปในผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการทำเป็นเค้กโดม หรือเค้กดูดน้ำได้ เป็นต้น
สำหรับเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ “Cake Code” ในปัจจุบันนั้น มีจำหน่ายอยู่ที่สาขาเต็มในรูปแบบคาเฟ่ที่ซอยวิภาวดี 20 หรือหลังการบินไทยสำนักงานใหญ่ ขณะที่ในรูปแบบตู้คีย์ออสจะมีจำหน่ายอยู่ที่เซ็นทรัลบางนา, เซ็นทรัลเฟสติวัลอีสวิว, เดอะมอลล์บางกะปิ, เดอะมอลล์บางแคร์ และเตรียมที่จะขยายไปจำหน่ายที่เซ็นทรัลชิดลม อีกทั้งยังมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ควบคู่ไปด้วย
“เมื่อช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจ Cake Code ก็เพื่อทำเป็นอาชีพรองรับในอนาคตหลังจากที่ไม่ได้ทำงานที่การบินไทย โดยเมื่อเวลาผ่านไปธุรกิจเบเกอรี่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น และต้องการเวลาในการทำธุรกิจ บวกกับการทำงานที่ต้องเดินทางตลอดเวลาเริ่มมีความสนุกลดลง และต้องการดูแลครอบครัวให้มากขึ้น จึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจเบเกอรี่แบบเต็มตัว”

-นวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์
หากถามว่าจุดเด่นของเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ “Cake Code” คืออะไร ก้องกฤษณ์ บอกว่า อยู่ที่การเป็นเบเกอรี่เพื่อสุขภาพ สามารถรับประทานได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังมีการใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ ยกตัวอย่างเช่น เค้กมะพร้าวที่มียอดขายนำโด่ง ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าน่าจะทำอะไรเพิ่มมูลค่าให้ได้มากกว่านี้ จนกระทั่งเกิดกระบวนทางความคิดว่าจะใส่ไอเดียอะไรลงไป จากที่เป็นเค้กแบบรับประทานปกติมาเป็นเค้กมะพร้าวดูดน้ำได้ ซึ่งถูกใจผู้บริโภคและทำให้ “Cake Code” เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
“เราเรียกการใส่ไอเดียลงไปในเบเกอรี่ว่าเป็น นวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไม่หนัก ไม่ได้ใช้เทคโนโลยี เพราะแค่ใช้ไอเดียจนกลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังเป็นการผสมผสานวัตถุดิบจาก 2 สัญชาติมารวมไว้บนผลิตภัณฑ์เดียว โดยเป็นมะพร้าวจากประเทศไทย และเบเกอรี่จากต่างประเทศ”
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 เค้กมะพร้าวภายใต้แบรนด์ “Cake Code” ได้มีการนำเสนอในรูปแบบใหม่ในแนวทางที่เรียกว่า “เค้กมะพร้าวดอกไม้” โดยจะเป็นการหลอมรวมความอร่อยสไตล์ Cake ซึ่งตัวโดมจะทำจากเจลลี่ คอลลาเจน ส่วนตัวกลีบดอกทำมาจากนมฮอกไกโด โดยเป็นอีกหนึ่งงานศิลป์และสุนทรียรสจากมะพร้าวไทย
-เปลี่ยนให้ทันกระแสโลก
ก้องกฤษณ์ ปิดท้ายว่า กุญแจที่ไขประตูไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจมีการเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา เช่น ยุคนี้ที่เป็นยุคของดิจิตอล ก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก โดยผลิตภัณฑ์จะต้องเป็นแบบผสมผสาน (Mix and Match) เนื่องจากโลกเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เพราะฉะนั้นเราจะต้องตามให้ทัน แต่สิ่งที่สำคัญก็คือแกนของธุรกิจต้องยังอยู่.