โมเบลล่า เด่นที่ดีไซน์สร้างเอกลักษณ์ไทยและเอเชีย
โมเบลล่า เด่นที่ดีไซน์สร้างเอกลักษณ์ไทยและเอเชีย
การรักษาตัวตนคือสิ่งสำคัญ ไม่จำเป็นต้องไหลไปตามกระแสเมื่อเจอกับสภาพปัญหา แต่ให้มุ่งมั่นตั้งใจอยู่กับแบรนด์ที่ตั้งใจปลุกปั้นขึ้นมาว่าเป็นมาอย่างไร และพยายามหาช่องทางให้ผู้อื่นเข้าใจและรับรู้ พร้อมกับนำเสนอสิ่งใหม่ๆทั้งรูปแบบของผลิตภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพราะเชื่อมั่นว่าเมื่อวันหนึ่งลูกค้าเข้าใจความเป็นตัวตนก็จะกลับมาเป็นลูกค้าเหมือนเดิม และสามารถเกิดความผูกพันอย่างยั่งยืนต่อแบรนด์ได้
นื่คือกุญแจที่ไขไปสู่ความสำเร็จของอนุพล อยู่ยืน ผู้อำนวยการ การออกแบบ บริษัท โมเบลลา แกลเลอเรีย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ “โมเบลลา” (Mobella)
–ความเป็นไทยและเอเชีย
อนุพล เล่าว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ โมเบลล่า เกิดจากการที่ตนเองเรียนจบมาทางด้านสถาปัตยกรรมด้านออกแบบเฟอร์นิเจอร์ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงงานผู้ผลิตโซฟาที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในตลาด จึงเกิดไอเดียความคิดที่จะสร้างแบรนด์ที่เป็นของตนเองเกี่ยวกับโซฟา ดังนั้น จึงต้องพยายามเสาะหาวิธีที่จะสร้างความแตกต่าง หรือจุดเด่นให้กับโซฟาของตนเองในตลาดระดับสากล โดยแนวคิดที่น่าจะตอบโจทย์มากที่สุดก็คือการสร้างคอลเลกชั่นโซฟาที่มีคาแรกเตอร์ของความเป็นไทย หรือความเป็นเอเชีย Startup แบรนด์ Mobella ขึ้นมาในตลาด
โซฟาที่บ่งบอกถึงคาแรกเตอร์ความเป็นไทย หรือความเป็นเอเชียที่ Mobella เลือกที่จะนำเสนอที่ผ่านมาก็คือ การนำธรรมชาติ ต้นไม้ และดอกไม้ของไทยมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยล่าสุดที่สร้างความฮือฮาให้กับตลาดก็คือการนำรูปลักษณ์ และลักษณะของขนมไทยมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบโซฟา ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศ
“ในทุกปีเราจะเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ที่งานแสดงเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเป็นแบรนด์โซฟาไทยเพียงแบรนด์เดียวที่ได้เข้าร่วมงาน ซึ่งเราผ่านการคัดเลือกจากองค์การการค้าระหว่างประเทศ โดยโซฟาจากต่างประเทศจะมีความโดดเด่นกว่าของเรามาก ทั้งเรื่องของดีไซน์ และเรื่องเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า แต่สิ่งที่เราแตกต่างคือการนำเรื่องหัตถอุตสาหกรรม ซึ่งหมายถึงฝีมือแรงงานขอคนไทยที่มีความละเอียดอ่อนมาผสมผสานกับนักออกแบบที่ผสานความเป็นไทยและความเป็นเอเชียลงไปในผลิตภัณฑ์ ทำให้เวลาที่ไปโชว์ในงานคาแรกเตอร์ของแบรนด์จึงมีความแตกต่าง”
–เพิ่มช่องทางการขาย
อนุพล บอกว่า ธุรกิจของตนมีลูกค้าเป็นชาวต่างประเทศประมาณ 70% และเป็นลูกค้าในประเทศ 30% โดยปัจจุบันบริษัทมีผู้แทนจำหน่าย (distributor) ในต่างประเทศอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ขณะที่ในเมืองไทยจะมีโชว์รูม 2 แห่งบนทำเลย่านรัชดา ซึ่งจะเน้นโซฟาที่ทำจากผ้า และที่เอกมัยซึ่งจะเน้นโซฟาแบบที่เป็นหนัง
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในช่วงแรกนั้น ต้องย้อนกลับไปช่วง 10 ปีที่แล้ว ซึ่งโรงงานผลิตในเมืองไทยเป็น OEM ทั้งหมดตามที่ต่างประเทศสั่งเข้ามาให้ทำตามแบบ มีผู้ผลิตน้อยรายที่สนใจจะทำแบรนด์ และด้วยความที่โรงงานเราเป็นโรงงานเล็กไม่ได้มีออเดอร์หรือกำลังการผลิตเยอะมาก เราเลยรู้สึกว่าอีกหน่อยหากเรายังพึ่งพาตลาด OEM อาจจะลำบาก เพราะเป็นตลาดทั่วไป (MASS) เราก็เลยมองเรื่องการสร้างแบรนด์ โดยเริ่มลองผิดลองถูกก่อนในช่วง 2-3 ปีแรก และใช้การโปรโมทตามงานแสดงสินค้าจากทั้งในและต่างประเทศ เช่นเดียวกับในปัจจุบัน เพราะเรายังมีทั้ง 2 ตลาดหลัก ซึ่งก้าวต่อไปหลังจากโดยกลยุทธ์หลัก เราเริ่มมีเอเย่นต์ และมีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นที่ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย คือเราขายผ่านแบรนด์เราเป็นเอเย่นต์
“หากย้อนกลับไป 10 ปีก่อนการที่ลูกค้าต่างชาติ หรือคนยุโรปจะยอมรับว่าต้องการจะเป็นเอเย่นต์ของคนไทย เค้าจะรู้สึกว่าไปเป็นเอเย่นต์ของประเทศอื่นอย่างอิตาลีดีกว่า แต่เมื่อเราเริ่มทำแบรนด์เป็นที่รู้จักสักระยะหนึ่ง เพิ่งมา 1-2 ปีที่เค้าเริ่มยอมรับแบรนด์ไทย จนทำให้เรามีหน้าร้านในหลายประเทศ และเราอาศัยกลยุทธ์ที่ว่าเข้าไปหาลูกค้า เดินเข้าไปหาลูกค้าโดยตรง ไปทำความเข้าใจกับตลาดแต่ละประเทศที่เรามีเป็นลูกค้าอยู่ ซึ่งแต่ละประเทศแม้เค้าจะใช้ผลิตภัณฑ์ของเราแต่ความยากจะอยู่ที่ว่าพฤติกรรมการใช้งาน ลูกค้า หรือแม้แต่สีสันที่ชอบ อย่างไทยกับมาเลเซียที่อยู่ใกล้กัน แต่การชอบสีก็ไม่ได้เหมือนกัน ก็จะเป็นความท้าทายของแบรนด์ว่าในฐานะที่เราเป็นแบรนด์จากเมืองไทย และเราจะยังคงเป็นแบรนด์ในอีกแต่ละประเทศจะต้องทำอย่างไร เลยต้องไปศึกษากับลูกค้ามากขึ้น”
–ตอบสนองไลฟ์สไตล์
อนุพล บอกว่า ภาพรวมของธุรกิจในอนาคตนั้น ด้วยความที่เราเป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่ หรือเรียกว่าเป็นเอสเอ็มอีขนาดกลาง เลยมองว่าจะทำให้แบรนด์มีความเกี่ยวข้องกับการเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เราจะไม่ได้ออกแบบแค่โซฟา เพราะมองว่าผู้ที่จะเข้ามาเป็นลูกค้าเราจะมีความชอบอะไรบางอย่าง หากเราสามารถที่จะออกแบบสินค้า เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันของเค้าได้น่าจะดี ปีนี้จึงมีการเปิดไลน์ โมลเบลล่าโฮม ซึ่งจะเป็นของตกแต่งบ้าน เพื่อขยายฐานลูกค้า เพราะปัจจุบันผู้บริโภคที่จะเข้ามาในร้านสัก 1 ร้าน คงไม่ได้ต้องการจะได้แค่โซฟาอย่างเดียว แต่ต้องการเข้ามาดูว่าอะไรที่ตอบโจทย์ได้บ้าง เราเลยตอบสนองตรงนี้
ขณะที่ในปี 61 เรามีแผนที่เปิดให้บริการอาหารในรูปแบบคาเฟ่ ซึ่งลูกค้าสามารถเข้ามาดื่มกาแฟ กับมีบริการอาหารที่เหมาะกับห้องนั่งเล่น เรามองเรื่องการจับคู่ความแตกต่างกันของธุรกิจมากขึ้น โดยเฟอร์นิเจอร์กับแฟชั่นเป็นของคู่กัน เรานำทั้งหมดมารวมกันผสมผสานให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเติมเต็ม โดยการมีคาเฟ่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าอยู่กับเรามากขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าคงไม่มีลูกค้าท่านใดที่ซื้อโซฟาปีละหนึ่งตัว เพราะไม่ได้มีบ้านหลายหลัง แต่เรามองว่าลูกค้ากลุ่มนี้สามารถเข้ามาหาเราได้เรื่อยๆ ในบางเวลาอาจจะแค่ต้องการเข้ามานั่งคุย มาปรึกษากับดีไซน์เนอร์ มานั่งดื่มกาแฟ หรือแม้กระทั่งหาทางปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนการจัดบ้าน เราก็จะมีทีมดีไซน์ในส่วนนี้มาเป็นที่ปรึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายด้วย
นอกจากนี้ ยังจะเดินหน้าทำตลาดแบบออนไลน์อย่างเต็มตัวด้วยการพัฒนาเว็บไซด์ของบริษัทอย่างเป็นทางการขึ้นมา หลังจากที่ผ่านมาเริ่มมีลูกค้าสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บ้างแล้วทางเพจของร้าน โดยปัจจุบัน Mobella ประกอบไปด้วย 5 แบรนด์ ได้แก่ 1.โมเบลล่า เอ็กซ์ (Mobella EXCLUSIVE LEATHERCRAFTS) ซึ่งเป็นงานหนัง, 2.โมเบลล่า (Mobella) ดั้งเดิมซึ่งเป็นแบบผ้า สไตล์โมเดิร์น, 3.โมเบลล่า โฮม (Mobella HOME) ซึ่งจะเป็นของตกแต่งบ้าน, 4.พิมเพ็ญ (PIMPEN) ซึ่งจะเป็นโซฟาแบบคอมแพค เป็นไลฟ์สไตล์สำหรับที่อยู่อาศัยพื้นที่เล็กที่จะมีแนวโน้มมากขึ้นในประเทศไทย และ 5.โมบิ (mobi) โดยเป็นการทำงานร่วมกับพาตเนอร์ที่ญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุ เตียงไฟฟ้า หรือโซฟาที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ตอนนี้กำลังพัฒนาอยู่ ปีนี้ออกเตียงไฟฟ้ามาแล้ว ปีหน้าจะออกตัวอื่น เจาะกลุ่มผู้สูงอายุ.