“ภูฟาร์ม”แมลงอัดกระป๋องเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้
“ภูฟาร์ม”แมลงอัดกระป๋องเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้
อาหารเลอค่าแสน็คชั้นดีบางครั้งก็ไม่จำเป็นจะต้องมีราคาแพง หรือจะต้องทำมาจากวัตถุดิบที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแสวงหา แต่อาจจะมาจากวัตถุดิบง่ายๆตามภูมิปัญญาของชาวบ้าน แต่ได้มีการปรับประยุกต์เอานวัตกรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีพื้นฐานแบบดั้งเดิม แต่สามารถเพิ่มมูลค่าได้อย่างมหาศาล
พัทธพงษ์ พงษ์เพชร คือชายหนุ่มที่มีแนวคิดในการนำวัตถุดิบจากชุมชน และภูมิปัญญาชาวบ้านมาผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้วัตถุดิบแบบบ้านๆสามารถเพิ่มมูลค่าได้สูงขึ้น และสร้างรายได้ให้อย่างงดงาม จนกลายเป็นการ Startup ธุรกิจยุคใหม่ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ “ภูฟาร์ม” ในที่สุด
-จับดักแด้บรรจุกระป๋อง
พัทธพงษ์ ในฐานะประธานกรรมการ หจก.พงษ์เพชรอินเตอร์ภูฟาร์ม เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจในยุคของตนเอง ว่า มีต้นกำเนิดมาจากการที่ตนเองได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการส่งเสริมของกรมหม่อนไหม ซึ่งทำเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ ส่งผลให้มีความรู้เกี่ยวกับหม่อน และไหมเพิ่มขึ้นมากขึ้น โดยที่ตนได้นำความรู้ดังกล่าวมาผนึกรวมกับความรู้ที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย และร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคามเผยแพร่ความรู้ให้กับชาวบ้าน ส่งเสริมให้มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2459 ตนได้มีแนวคิดในการนำไหมมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นไหมป่าที่ได้ดำเนินการสาวไหมแล้วจนเหลือเพียงแค่ดักแด้ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าในการทำตลาด โดยได้นำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษาทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ซึ่งก็ได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการนำมาทดลองวิจัย และพัฒนาจนสามารถแปรรูปบรรจุกระป๋องเพื่อวางจำหน่ายได้ภายใต้แบรนด์ “ภูฟาร์ม”
“กรรมวิธีของการผลิตดักแด้อัดกระป๋องนั้น คือการนำตัวไหมไปแช่แข็งนาน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำไปทอดในอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสให้เหลืองกรอบ แล้วทำให้ไม่มีน้ำมันโดยการนำมาแผ่ออกก่อนนำเข้าตู้อบและอบด้วยความร้อน 80 องศาเซลเซียสนาน 1 ชั่วโมง จากนั้นนำมาปรุงรสด้วยรสชาติต่างๆ ก่อนจะนำไปบรรจุลงกระป๋อง ซึ่งสามารถเก็บรักษาได้ยาวนานถึง 4 เดือน”
-เล็งขยายตลาดเมียนมาร์/จีน
พัทธพงษ์ กล่าวต่อไปถึงแนวทางในการทำตลาด ว่า กำลังเตรียมตัวขยายตลาดแมลงทอดอัดกระป๋องไปยังประเทศเมียนมาร์ และที่สิบสองปันนาประเทศจีน เพื่อขยายฐานลูกค้าของบริษัททั้งในรูปแบบของการเข้าไปทำตลาดด้วยตนเอง และกับลูกค้าของบริษัท จากเดิมที่มีการทำตลาดอยู่แล้วในประเทศกัมพูชา ลาว และเวียดนาม โดยยึดรูปแบบในการทำธุรกิจแบบเดิม ซึ่งบริษัทจะเข้าไปทำตลาดแค่ในระยะเริ่มต้น หลังจากนั้นเมื่อแบรนด์เป็นที่รู้จัก และผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับก็จะปล่อยให้ลูกค้าทำตลาดเอง โดยที่บริษัททำ OEM ให้
นอกจากนี้ ยังเตรียมต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่การทำเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นน้ำลูกหม่อน น้ำมะขามป้อม และน้ำหมากเม่า เป็นต้น โดยล่าสุดได้ดำเนินการเรื่องการก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตน้ำเพื่อสุขภาพดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยลงทุนกว่า 7 ล้านบาททั้งที่เป็นส่วนของโรงงาน และเครื่องจักรในการผลิต เพื่อรองรับวัตถุดิบจากชาวบ้าน โดยในส่วนของบริษัทจะมุ่งเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ควบคู่ไปกับการทำ OEM ซึ่งล่าสุดมีผู้ประกอบการที่มาว่าจ้างทำ OEM ให้แล้ว 3 บริษัท
“เป้าหมายของบริษัทในการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาด และขยายฐานลูกค้าก็เพื่อต้องการรักษาระดับรายได้ในปี 61 ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทจากที่สามารถทำได้ในปี 60 โดยบริษัทจะตั้งเป้าในการดำเนินธุรกิจคือจะต้องทำให้ได้ไม่ต่ำกว่าในปีที่ผ่านมาเป็นอันดับแรก จะไม่วางเป้าเป็นตัวเลขที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เป็นการกดดัน”
-วัตถุดิบไทยโปรตีนมาก
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์แมลงทอดอัดกระป๋อง หรือในรูปแบบ OEM ของบริษัทนั้น พัทธพงษ์ บอกว่า อยู่ที่เรื่องของวัตถุดิบที่มาจากประเทศไทย ซึ่งจะให้โปรตีนสูงกว่าวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากประเทศจีน เนื่องจากกระบวนการนำไหมออกจากดักแด้ที่แตกต่างกัน โดยกระบวนการของประเทศจีนจะอบดักแด้ก่อนที่จะสาวไหมออก หลังจากนั้นจึงมาทำให้ดักแด้คืนตัวในรูปแบบเดิม แต่ของไทยจะเป็นรูปแบบของการสาวใหม่สด ซึ่งจะยังคงโปรตีนในตัวดักแด้ที่นำมาใช้ทอดได้อย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ดี รายได้หลักของธุรกิจบริษัทมาจากการทำ OEM ส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายใต้แบรนด์ “ภูฟาร์ม” จะมุ่งเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางทั้งเฟสบุ๊ก (Facebook), เว็บไซด์ของบริษัท และไลน์ (Line) เพื่อไม่ให้เป็นการแย่งตลาดกันเอง นอกจากดักแด้แล้วผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังมีแมลงชนิดอื่นอีก ได้แก่ จิ้งหรีด แมงสะดิ้ง ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก โดยมีรสชาติให้เลือกอย่างหลากหลาย ประกอบด้วย รสต้มยำ, รสลาบ, รสชีส, รสบาร์บีคิว, รสเกลือ และรสโนริสาหร่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นแมลงชนิดอื่นอีกตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็นตั๊กแตนปาทังก้า และเขียด เป็นต้น.