“PHONENIX LAVA” ซาลาเปาลาวาสูตรลับจากใจเสิรฟ์ตรงถึงผู้บริโภค
ด้วยความเป็นเด็กที่เติบโตมาในยุคสมัยที่ผู้บริโภคชาวไทยต่อคิวเพื่อรอซื้อขนมแบรนด์ดังจากต่างประเทศที่มาเปิดจำหน่ายในประเทศไทย จึงเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าเหตุใดคนไทยจะต้องไปต่อคิวเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านั้น
พร้อมๆ กับไอเดียความคิดหนึ่งที่เกิดขึ้นมาในการสร้างขนมที่เป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยรู้สึกอยากมาเข้าแถวรอเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ จนถึงขนาดเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมในต่างประเทศ
ปัจจุบันความฝันดังกล่าวของเด็กคนหนึ่งได้กลายเป็นจริงขึ้นมา พร้อมกับผลิตภัณฑ์แห่งความภาคภูมิใจที่ถูกคิดค้น และพัฒนาจนได้สูตรตามที่ต้องการพร้อมกับ Startup ธุรกิจซาลาเปาลาวา ภายใต้แบรนด์ “ Phonenix lava ” ขึ้นมา
-จากความฝันสู่ธุรกิจ
ปริญญ์ สุขสมิทธิ์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟีนิกส์ ลาวา จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจให้ฟังว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ต้องผ่านประสบการณ์มามากมาย โดนตั้งแต่เริ่มมีไอเดียความฝันอยากทำธุรกิจก็ต้องถูกพับเก็บไว้ในลิ้นชักอยู่ประมาณ 4-5 ปี เพราะต้องเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่แฟน และน้องชายได้ทำงานที่โรงงานทำขนม ซึ่งในช่วงก่อนที่จะกลับจากญี่ปุ่น ได้มีโอกาสชิมซาลาเปาของญี่ปุ่นซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับขนมโมจิ เนื่องจากมีการใช้แป้งเป็นส่วนผสมในการทำซาลาเปา
ทั้งนี้ ถือว่าเป็นโชคดีของตนเองที่ธุรกิจของครอบครัวดำเนินการเกี่ยวกับแป้งมันสำปะหลัง ทำให้มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัส และคิดค้นพัฒนาแป้งที่จะนำมาใช้จนได้สูตรที่ลงตัวในระยะเวลากว่า 6 เดือน ประจวบเหมาะกับที่ช่วงเวลานั้นกระแสของซาลาเปาไส้ไหลกำลังเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ตนจึงเข้าไปคลุกวงในเพื่อศึกษาตลาดของธุรกิจดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร ทำให้มองเห็นช่องทางโอกาสในการทำธุรกิจ โดยจะมุ่งเน้นสำหรับการเป็นของฝาก เพราะเท่าที่สัมผัสมาส่วนใหญ่จะมีแพคเกจจิ้งที่ไม่สวยงาม และที่สำคัญผลิตภัณฑ์จะต้องมีความสดเสมือนรับประทานที่ร้านเมื่อไปถึงมือผู้รับ
-ใส่ใจทุกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์
“ เมื่อไอเดีย และช่องทางผสมผสานกันได้อย่าลงตัวตามทีต้องการแล้ว สาขาแรกของ “Phonenix lava” จึงเกิดขึ้นที่ย่านปิ่นเกล้าในปี 2557 โดยรวบรวมเงินจากตนเอง แฟน และน้องชายมาร่วมกันสร้างธุรกิจ หลังจากนั้นจึงต่อยอดขยายสาขาต่อไปเรื่อยๆ จนล่าสุดมีทั้งหมด 14 สาขา โดยแบ่งเป็น 13 สาขาที่กรุงเทพ และอีก 1 สาขาที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งทั้งหมดทุกสาขาเราเป็นผู้ดูแลกันเอง ยังไม่มีการขยายธุรกิจในรูปแบบของแฟรนน์ ”
สำหรับจุดเด่นของซาลาเปาลาวาแบรนด์ “Phonenix lava” นั้น ปริญญ์บอกด้วยความภาคภูมิใจว่า มาจากการที่ตนเองมีพื้นฐานเรื่องวัตถุดิบที่จะนำมาใช้เป็นอย่างดี ไม่ได้โตตามกระแสของธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยม แต่จะให้ความสำคัญกับเรื่องผลิตภัณฑ์เป็นหลัก เนื่องจากมีความชำนาญในเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ ดังนั้นเราจะดูแลตั้งแต่เรื่องของอุณหภูมิที่จุดเริ่มต้น ไปจนถึงมือผู้รับว่าจะเป็นอย่างไร เพื่อทำให้ซาลาเปาลาวาของเราคงคุณภาพไว้ได้ตลอด เพราะเราเน้นที่ตลาดของฝาก
“ เราคิดอยู่เสมอว่าซาลาเปาลาวาแบรนด์ “Phonenix lava” จะต้องมีมากกว่าความอร่อย ซึ่งเป็นจุดขายหลักของแบรนด์อยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงดูแล และควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน โดยให้การเติบโตของธุรกิจเป็นไปอย่างช้าๆ ทำไส้ให้เป็นมาตรฐาน เพื่อให้การขยายสาขาเป็นไปแบบไม่ต้องกังวล อีกทั้ง ยังมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ผู้บริโภคได้รับประทานอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความจำเจในการรับประทาน ”
ปัจจุบันซาลาเปาลาวาจะมีให้เลือกหลากหลายไส้ ประกอบไปด้วย ไส้ออริจินอล, อูจิมัดฉะ, ชาโคลงาดำ, นามะช็อค, เบคอนชีสลาวา และจะมีไส้ที่ทำออกมาใหม่ทุก 2 เดือน โดยล่าสุดได้เริ่มมีการทำไส้แบบของคาวเป็นไส้หมูอบรมควัน ซึ่งจะใช้วัตถุดิบเป็นหมูจากประเทศญี่ปุ่นนำมารมควันแบบตะวันตกเพื่อให้กลิ่นย่างติดกับซาลาเปา เพื่อเพิ่มความหอมน่ารับประทานให้กับผลิตภัณฑ์
จุดเด่นที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างคือแพคเกจจิ้งที่เป็นเอกลักษณ์ภายใต้รูปแบบที่แสนจะน่ารัก ตั้งแต่ตัวห่อของซาลาเปาแต่ละลูกไปจนถึงตัวกล่องบรรจุภัณฑ์ที่จะประทับหน้าของโลโก้เอาไว้ซึ่งเป็นตัวแทนของแบรนด์ โดยผู้บริโภคหลายรายอยากลองซื้อสินค้า เพราะองค์ประกอบดังกล่าวนี้ ทำให้เป็นการช่วยเพิ่มยอดขาย และการสร้างฐานลูกค้าได้มากขึ้น จากการซื้อเป็นของฝาก หรือของขวัญ ส่งผลทำให้ได้กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากซื้อรับประทานเอง
-ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
ปริญญ์ ยังได้กล่าวต่อไปอีกถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดของซาลาเปาลาวาแบรนด์ “Phonenix lava” ในปี 2560 ว่า จะมีการขยายสาขาเพิ่มเติมในพื้นที่ต่างจังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี, ราชบุรี, จันทบุรี, ชลบุรี และนครสวรรค์ โดยมองว่าจังหวัดดังกล่าวเหล่านี้มีศักยภาพที่เพียงพอ อีกทั้งยังมีระบบการจัดส่งผลิตภัณฑ์แบบเดลิเวอร์รี่รองรับ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทในเรื่องของการบริการ และการมุ่งเน้นเป็นของฝาก อีกทั้งยังมีแผนที่จะไปสู่การจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเลือกทำเลที่เหมาะสม และทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมของผู้บริโภคในท้องถิ่น
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปสู่อาหารประเภทเครื่องดื่ม 2 ชนิด ได้แก่ ชาและกาแฟ โดยจะเป็นรูปแบบของ Coldbrew ซึ่งจะมีความแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นในตลาดที่ส่วนใหญ่จะนิยมจำหน่ายเครื่องดื่มแบบชงร้อน แต่ Coldbrew จะเป็นการชงแบบเย็น เพราะเรามองถึงเครื่องของการใส่ใจสุขภาพที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน โดยจะเป็นเครื่องดื่มที่มีกรดน้อย รับประทานง่ายไม่มีอาการมึนหัว ผู้บริโภคที่เป็นผู้หญิงสามารถรับประทานได้ อย่างไรก็ดี บริษัทยังอยู่ในระหว่างทดลองระบบการทำธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชน์อยู่ 1-2 เจ้า โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในรูปแบบดังกล่าวเพื่อขยายธุรกิจได้ประมาณปี 2561
ด้านการทำตลาดต่างประเทศนั้น ปีนี้บริษัทจะมีการออกบูธที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แบรนด์ Phonenix lava ให้เป็นที่รู้จัก และได้สัมผัสกับผู้บริโภคเพื่อสำรวจตลาด โดยล่าสุดมีผู้ลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ และเวียดนามติดต่อเข้ามาเพื่อขอร่วมทำธุรกิจ ซึ่งบริษัทจะต้องพิจารณาอย่างรอบครอบที่สุด เพื่อให้ได้ผู้ร่วมทุนที่มีแนวความคิดไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำตลาดในประเทศสิงคโปร์ บริษัทมองว่าอยากจะเข้าไปดำเนินการด้วยตนเองมากกว่า
“ จากการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดดังกล่าวนี้เชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้ประมาณ 25 ล้านบาทปีนี้ จากเดิมที่ในปีที่ผ่านมามีรายได้อยู่ที่ 18 ล้านบาท และจะเติบขึ้นเป็น 50 ล้านบาทในปี 61 ”