ปรับครม.เศรษฐา – ข้าราชการสับเปลี่ยนกำลัง รับเงินใหม่ 3.752 ล้านล้านบาท
ครม.เศรษฐาชุดต่างตอบแทนใช้เวลาพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว 6 เดือนเต็ม แม้มีข้อแก้ต่าง ไม่ได้ใช้ “เงินสักบาท” แต่สะท้อนให้เห็นว่า รัฐมนตรีถูกฝาถูกตัว-มือถึงหรือไม่ ไม่มากก็น้อย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ครม.เศรษฐา 1” รัฐมนตรีส่วนใหญ่ “ถือตั๋ว” ผู้มีบารมีในทำเนียบ-นอกทำเนียบ นั่งเก้าอี้เสนาบดีกระทรวงเกรดเอ หลายกระทรวงจึงไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรม ยิ่งการบริหารราชการแผ่นดินเป็นแบบ “การเมืองแบบเก่า” จัดสรรตำแหน่ง-แบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีตามโควตาบ้านใหญ่-กลุ่มก๊วนการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้พิจารณาตามความรู้-ความสามารถ ประกอบคุณสมบัติความซื่อสัตย์-สุจริตเป็นประจักษ์ที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ จึงทำให้โดนฝ่ายค้านค่อนขอดว่า รัฐบาลไร้ความสามารถ เพราะมี “รัฐมนตรีโลกลืม-รัฐมนตรีโลกเซ็ง” นั่งอยู่เต็มห้องประชุมครม.
ปรับ ครม.เศรษฐา รอเวลาลั่นไก
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง “ปรับครม.เศรษฐา 1/2” หลังสงกรานต์ กระพือข่าวการสลับเก้าอี้รัฐมนตรีหลายตำแหน่งในพรรคเพื่อไทย วิ่งเข้าหานายใหญ่-นายหญิง-นายน้อยกันฝุ่นตลบ อย่างไรก็ตามสปอตไลต์ส่องไปที่การ “ปรับออก” ของ “สุทิน คลังแสง” ออกจากเสนาบดีสนามไชย1 ให้ “นายก ฯ ควบกลาโหม” โดยมี “พิชัย ชุณหวชิร” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-ประธานบอร์ดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็น “ตัวเต็ง” ที่จะมาดำรงตำแหน่ง “ขุนคลังคนใหม่” แต่ข่าวจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ปัจจุบันมีโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีว่างอยู่ 2 ที่นั่ง คือ โควตาของพรรคพลังประชารัฐ 1 ตำแหน่ง กับโควตาของพรรคเพื่อไทยอีก 1 ตำแหน่ง
ว่ากันว่าข่าวปรับ ครม.เศรษฐา 1/2 ปรับจริง-ปรับลวง ให้สังเกตจากศูนย์กลางอำนาจตัวจริง-เสียงจริง ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยจะส่งสัญญาณปรับครม.หรือไม่ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาสไตล์การทำงานของรัฐบาลทักษิณจะปรับทุก ๆ 6 เดือน ยิ่งทักษิณในบทบาทของผู้นำธุรกิจกลุ่มชินวัตรจะปรับทุก 3 เดือน ดังนั้นขณะนี้จึงรอเวลาบ่มเพาะสถานการณ์ให้สุกงอมเท่านั้น ส่วน วัน ว.เวลา น.จะเป็นเมื่อไหร่ “คนใกล้ชิดนายกฯชินวัตร” บอกว่า การปรับครม.ไม่มีใครบอกว่าเมื่อไหร่-แต่รอเวลาลั่นไกเท่านั้น
ครม.ใหม่–งบประมาณใหม่
ส่วนหน้าตารัฐมนตรีจะออกหัว-ออกก้อย เหล้าเก่า-กระทรวงใหม่ หรือ ใหม่ถอดด้าม-ป้ายแดง นักสังเกตการณ์ทางการเมืองวิเคราะห์ตรงกันว่าจะเป็นการ “เสริมทัพ” ระหว่างรุ่นเก่า-เก๋าประสบการณ์ กับคนรุ่นใหม่-เลือดบ้านใหญ่ในกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะที่ต้องจับตา คือ “อุ๊งอิงค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ด้วยศักดิ์และศรีหัวหน้าพรรคอันดับ 1 ในพรรครัฐบาลต้องมีที่ให้ยืน-เวทีให้แสดงบทบาทผู้นำพรรคเพื่อไทย-ว่าที่นายกฯชินวัตรคนที่สาม ที่จะเป็นผู้ถือธงเลือกตั้งครั้งหน้า รวมถึง “เลขาธิการพรรคคู่ใจ” อย่าง “สรวงศ์ เทียนทอง” ที่ต้องมีอาวุธครบมือไว้บริหารทั้งในพรรคและในพื้นที่ฐานเสียง
งบปี 67 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท มีเวลาเพียงใช้ 5 เดือน โครงการส่วนใหญ่ล็อกสัญญาไว้หมดแล้ว เหลือเพียงลงนาม-ตอกเสาเข็ม ยิ่งงบประมาณที่เหลือต้องโยกไปโปะ “เงินดิจิทัลวอลเล็ต” กว่า 1.75 แสนล้านบาท ยิ่งไม่สามารถหมกเม็ดโครงการลงไปในพื้นที่ฐานเสียงของนักการเมืองได้เลย ดังนั้น ทันทีที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 วงเงิน 3.752 ล้านล้านบาทบรรจุวาระเข้าสภา-คลอดออกมาในวันที่ 1 ต.ค. 2567 จะเป็น “เงินใหม่” ที่ “ครม.ชุดใหม่” ได้ใช้อย่างเต็มไม้เต็มมือ-เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไทม์ไลน์การปรับครม.เศรษฐา 1/2 ที่เหมาะสมที่สุด คือ หลังจากสภาผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปีในวาระแรกในช่วงเดือนมิ.ย. 67 ไปแล้ว
จัดทัพข้าราชการ–สับเปลี่ยนกำลัง
ในช่วงเดือนก.ค. ก่อนถึงวันที่ 1 ต.ค. 2567 จะเข้าสู่ฤดูแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง-ระดับปลัดกระทรวงและหัวหน้าหน่วยราชการ ทั้งกระทรวงเศรษฐกิจและหน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กรมธนารักษ์ กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงบประมาณ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพที่จะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย. ทั้ง พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ
ครึ่งปีหลังเป็นต้นไปสถานการณ์เศรษฐกิจ-การเมืองบีบให้ต้องปรับครม.เศรษฐา 1/2 เพื่อเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจเต็มตัว เกทับพรรคก้าวไกลที่กำลังเพลี้ยงพล้ำอยู่ในแดนศาลรัฐธรรมนูญสุ่มเสี่ยงโดนยุบพรรค-ตัดกำลังกรรมการบริหารพรรคใหม่ “พลิกเกม” หลังจากเม็ดเงินกว่า 5 แสนล้านบาทจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท 50 ล้านคน ให้รัฐบาลเศรษฐา-พรรคเพื่อไทยเป็นพยัคฆ์ติดปีกไปได้อย่างน้อย ๆ 1 ปีครึ่ง