3 แคนดิเดตนายก 3 ทีมเศรษฐกิจพรรคใหม่
เหลือเวลาอีก 7 เดือน รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะครบวาระ ปี่กลองเลือกตั้งก็โหมโรง พร้อมรับมือกับอุบัติเหตุทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้ทุกวินาที
วิกฤตเศรษฐกิจที่ตกสะเก็ดทางการเมืองของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลายเป็นแผลเป็นที่กว้างและลึก พรรคการเมืองก็พาเหรดกันแจ้งเกิดในทะเบียนสำมะโนครัว โดยขายนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจและเชิดหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
เริ่มต้นที่พรรคสร้างอนาคตไทย ชูภาพ “ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง” คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคคนแรก ฝีไม้ลายมือเป็นที่ประจักษ์ ทั้งในแวดวงการเมืองและวงการภาคเอกชน แน่นอนทำให้นายสมคิด มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
นายสมคิด อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แม่ทัพเศรษฐกิจ รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจในการคิดค้นนโยบายประชานิยม
ในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) – รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสมคิดเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาคสช.ให้คำแนะนำด้านเศรษฐกิจ ก่อนจะมารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี บุกเบิกอุตสาหกรรมใหม่และอีอีซี
“ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ในปี 57 ก่อนที่ผมจะส่งทีมสี่กุมาร (นายอุตตม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) จริง ๆ ไม่ใช่ สี่กุมารนะ ขณะนั้นรัฐบาลเกินครึ่ง ผมเป็นคนนำเสนอเข้าไป ควรจะมีใคร”นายสมคิดกล่าวระหว่างรับมอบตำแหน่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทย
นายสมคิดพยากรณ์เศรษฐกิจไทยขณะนี้ว่า ต้องเผชิญกับมรสุม 2-3 ลูก มรสุมลูกแรก เศรษฐกิจโลกถดถอย ส่งออกชะลอ มรสุมลูกสอง ราคาพลังงานสูง และมรสุมลูกสาม เงินเฟ้อ
นโยบายนำร่องที่พรรคสร้างอนาคตไทยชูขึ้นมาใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า ภายใต้ยุทธศาสตร์ “เปลี่ยนอนาคตประเทศไทย” คือ การขอฉันทานุมัติตั้งกองทุนสร้างอนาคตไทย วงเงิน 3 แสนล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก กองทุนคนตัวเล็ก 1 แสนล้านบาท แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ปรับโครงสร้างหนี้ พักชำระหนี้ 5 ปี ปรับปรุง ปรับเปลี่ยน สร้างอาชีพ เติมทุนใหม่ ส่วนที่สอง กองทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างอนาคตประเทศไทย 2 แสนล้านบาท
โดยให้ตอบโจทย์ที่ 2 เร่ง คือ เร่งแรก เร่งรัดแก้ไขปัญหาหนี้สินทุกประเภท เร่งที่สอง คือ เร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีศักยภาพและทันโลก เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
นายสมคิดที่เป็นทั้งที่ปรึกษาและว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ฝากการบ้านกองทุนสร้างอนาคตไทย โดยออกเป็น 2 กอง กองแรก เร่งด่วนเยียวยาผู้ที่ยากลำบาก เช่น ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี
กองสอง ปฏิรูปภาคการเกษตรและภาคท่องเที่ยวให้ถึงรากถึงโคน นำเงินเข้าไปหมุนเวียนในท้องถิ่นทุกจังหวัด ทุกหมู่บ้าน ไม่ต้องผ่านจังหวัด
สำหรับเค้าโครงเศรษฐกิจภายใต้การนำของพรรคสร้างอนาคตไทย ประกอบด้วย 5 สร้าง ได้แก่ 1.สร้างเศรษฐกิจฐานราก 2.สร้างภาคเศรษฐกิจใหม่ 3.สร้างสังคมที่เกื้อกูล
4.สร้างคน และโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมก้าวสู่สังคมยุคใหม่ และ 5.สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่จะรีเซ็ตวิกฤตและสร้างอนาคตของประเทศไทย
แม้ไม่ใช่พรรคใหม่แกะกล่อง แต่ รีแบรนด์พรรค ตั้งแต่ชื่อพรรคไปจนถึงตัวหัวหน้าพรรค คือ พรรคชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค
เป็นบันทึกประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีก 1 หน้ากระดาษของพรรคชาติพัฒนา โดยการดึงนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้าและนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคกล้ามากอบกู้เศรษฐกิจ-กู้ซากพรรค
หลังจากหมดยุคน้าชาติ – พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ภายใต้นโยบาย “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” ให้ไทยเป็น “เสือตัวที่ห้า” ในช่วงที่นักการเมืองซอยราชครูเจิดจรัส
นายกรณ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าทีมนโยบายเศรษฐกิจ ประดับเหรียญตราเกียรติยศ “รัฐมนตรีคลังโลก” ติดบนหน้าอก
เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ หรือ โครงการไทยเข้มแข็ง 1.43 ล้านล้านบาท
ในช่วงที่นายกรณ์ยังกุมบังเหียนพรรคกล้า โชว์กึ๋นแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สอนมวยหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ นับ 8 ไปหลายยก
ยกตัวอย่างเช่น การแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยกำหนดเพดานค่าการกลั่น เก็บภาษีลาภลอย มาตรการประหยัดการใช้พลังงาน อาทิ ปรับระดับอุณหภูมิในห้องประชุมสภาและห้องประชุมคณะรัฐมนตรี
การแก้หนี้สิน-หนี้เสียประชาชน 13 ล้านบัญชี เช่น พักชำระเงินต้น 2 ปี ลดดอกเบี้ยให้เหลือร้อยละ 1 ระยะเวลาเวลา 1 ปี แขวนดอกเบี้ยค่าปรับ โดยช่วยเหลือกรณีหนี้วงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท
นอกจากนี้ยังมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เสียเพิ่ม ด้วยการเพิ่มรางวัลให้กับบัญชีที่ผ่อนจนหมดสัญญาจะได้รับเงินคืนร้อยละ 5 ของเงินต้น เช่น กู้ 5 หมื่นบาท เมื่อชำระหนี้หมดจะได้รับเงินคืน 2,500 บาท
นายกรณ์เคยพูดถึงนายกอร์ปศักดิ์เมื่อครั้งเปิดตัวแต่งตั้งเป็นประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคกล้าคราวจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี
“วันนี้มีความสำคัญและพิเศษ ที่มีอดีตผู้บังคับบัญชา สมัยตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้บังคับบัญชาที่แท้จริงของผมไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่เป็นรองนายกฯเศรษฐกิจ (นายกอร์ปศักดิ์) วันนี้จึงมีความพิเศษสำหรับผมมากที่ท่านได้เดินเข้ามาช่วยงานพรรค”
สำหรับนายกอร์ปศักดิ์ เคยเป็นอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์) อดีตรองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
ด้วยสายสัมพันธ์ในแนบแน่นระหว่างนายประมวล สภาวสุ บิดาของนายกอร์ปศักดิ์ กับพล.อ.ชาติชาย เพราะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ชาติชาติหลายกระทรวงทำให้นายกอร์ปศักดิ์เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
ยกตัวอย่างเช่น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายสุวัจน์เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม)
ประกอบกับนายกอร์ปศักดิ์เคยเป็น ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของพรรค สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย (รัฐบาลชวน 1)
ดังนั้น นายกอร์ปศักดิ์จึงเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิด การตัดสินใจของนายกรณ์ในการจับมือร่วมงานทางการเมืองกับพรรคชาติพัฒนาของนายสุวัจน์
ถึงขั้นเดิมพันด้วยการหลอมรวมพรรคกล้ากับพรรคชาติพัฒนา พรรคที่นายกรณ์ก่อร่างสร้างตัวและลงทุนลงแรงไปกับพรรคกล้าไปไม่ใช่น้อย ง่ายเพียงดีดนิ้ว
มติกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนาได้ตั้งนายกอร์ปศักดิ์เป็นประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของพรรค โดยในวันที่ 26 ก.ย. 2565 จะมีการประชุมใหญ่ของพรรค
คาดหมายกันว่าที่ประชุมใหญ่ของพรรคชาติพันฒนาจะแต่งตั้งนายกรณ์เป็นหัวหน้าพรรค-แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
อีก 1 พรรค คือ พรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ขึ้นแท่นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่เข็นนโยบาย “เปลี่ยนประเทศ”
เป็นพรรคตระกูลสร้างไทยที่ถูกจับตาว่าจะเป็นอีกพรรคที่จะผสมผสานทางการเมืองให้มีสัดส่วนที่ลงตัวกับพรรคสร้างอนาคตไทยกับพรรคชาติพัฒนา
โดยมีขุนพลเศรษฐกิจข้างกายอย่างนายสุพันธุ์ มงคลสุธี อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คนที่ 15 ยืนอยู่แถวหน้าทีมเศรษฐกิจของไทยสร้างไทย และเป็นตัวเชื่อมกับมือเศรษฐกิจพรรคใหม่ ที่มีนโยบายเศรษฐกิจดีเอ็นเอเดียวกัน
ขณะที่นโยบายที่เปิดออกมา เช่น บำนาญประชาชน เดือนละ 3,000 บาท เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ลดเวลาเรียน เพิ่มคุณภาพการศึกษา 30 บาท สุขภาพดีถ้วนหน้า ดูแลคนไทยตั้งแต่เกิดจนแก่
จัดตั้ง 5 กองทุน ได้แก่ 1.กองทุนเอสเอ็มอี เติมทุนให้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ปลดล็อกหนี้เสียของเอสเอ็มอีตัวเล็ก 2.กองทุนสตาร์ทอัพ ช่วยคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัวในโลกยุคใหม่
3.กองทุนฟื้นฟูการท่องเที่ยวและบริการ 4.กองทุนวิสาหกิจชุมชน และ 5.กองทุนเครดิตประชาชน หรือ กองทุนคนตัวเล็ก ช่วยคนตัวเล็กที่ไม่ได้อยู่ในระบบธนาคารสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ หรือ ไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน
สร้างรายได้บนพื้นฐาน 4 ด้าน คือ 1.เป็นศูนย์กลางอาหารคุณภาพของโลก 2.เป็นศูนย์กลางสุขภาพ และ wellness 3.เป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว และ 4.เป็นศูนย์กลางคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาค
ทั้งนายสมคิด นายกรณ์ และคุณหญิงสุดารัตน์ อยู่ในโผแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่มีแพลตฟอร์มเศรษฐกิจไม่แตกต่างกันมากนัก อาจได้เห็นการหลอมรวมเป็นพรรคพวกเดียวกันย่อมเป็นไปได้