เทหมดกระเป๋า “อุ้ม” น้ำมันดีเซล
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 72.12 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.38 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 81.72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
เป็นผลมาจาก สหรัฐฯ เตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร
เมื่อ พี่เบิ้ม อย่างสหรัฐ ประกาศเช่นนี้ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ผู้ซื้อน้ำมันพาเหรดกันลดคำสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่าน ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลง
ฉะนั้น เมื่อปริมาณน้ำมันลดลง ราคาจึงถีบตัวสูงขึ้น
ดังจะเห็นได้จาก เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2561 สถานีบริการน้ำมันต่างๆได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน 50 สต.ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 38.26 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 31.15 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 30.88 บาทต่อลิตร, E20 อยู่ที่ 28.14 บาทต่อลิตร
ขณะที่ดีเซล และ E85 ปรับขึ้น 30 สต.ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซล ณ.ปัจจุบัน อยู่ที่ 29.89 บาทต่อลิตร E85 อยู่ที่ 21.94 บาทต่อลิตร
ที่น่าสนใจคือ ตัวเลข ราคาน้ำมันดีเซลที่ 29.89 บาทต่อลิตร ใกล้แตะ 30 บาทต่อลิตร อยู่รอมมะร่อ
แต่วิกฤติ ก็ยังไม่วิกฤติ เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เมื่อ28 กันยายน 2561 มีมติให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพยุงราคาดีเซล มิให้สวิงตามสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
6,000 ล้านบาท คือจำนวนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกนำมาใช้ โดยคาดการณ์ไว้ว่า หากราคาน้ำมันตลาดดูไบอยู่ที่ไม่เกิน 85 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เงินจำนวนนี้จะสามารถใช้พยุงราคาดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าสหรัฐฯ จะมีการนำน้ำมันดิบจากแหล่งสำรองน้ำมันดิบเชิงยุทธศาสตร์มาใช้ หากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นสูงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งกลางสมัย (Midterm Elections) ในสหรัฐฯ ในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบีย มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า เพื่อรักษาสมดุลของอุปทานที่หายไปจากอิหร่าน
จึงทำให้เชื่อว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับขึ้นเพียงช่วงสั้นๆเท่านั้น
ขณะที่ นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันไว้ว่า ขณะที่กลุ่มประเทศโอเปคยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า จะเพิ่มกำลังการผลิต โดยคาดว่าช่วงสิ้นปี ราคาน้ำมันอาจแตะ 90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
นั่นก็หมายความว่า อาจจะได้เห็นราคาน้ำมันแตะ 90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็นแน่
เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 6,000 ล้านบาท ที่วางไว้ อาจจำเป็นต้องขยายตัวเลขออกไปอีก จะเป็นเท่าใดยังไม่รู้ได้ในตอนนี้ แต่ที่รู้ๆเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในบัญชีน้ำมันจำนวน 29,285 ล้านบาท ยังสามารถต่อลมหายใจได้อีก หลายเฮือก…เพื่อคืนความสุขให้ประเทศไทย