เครดิตลดไม่ทำให้จีนฟองสบู่แตก
การถูกลดอันดับเครดิตของจีนจะไม่สร้างปัญหาในทันทีให้กับจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แต่กลับจะสร้างความกังวลถึงทิศทางของการท่องเที่ยวในระยะยาว อ้างอิงจากความเห็นของนักวิเคราะห์เศรษฐกิจทั่วโลก
โดยเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ตลาดหุ้นในเอเชียมีการเทขายตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดซื้อขาย หลังจากทราบข่าวจีนถูกลดอันดับเครดิตจากสถาบันจัดอันดับมูดีส์
“ ผมไม่คิดว่า นักลงทุนจะขานรับกับข่าวนี้มากนัก ผมคิดว่า นี่เป็นการยืนยันถึงสิ่งที่เรารู้ ซึ่งก็คือจำนวนหนี้มหาศาลของจีน ” Chris Watling ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Longview Economics กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อซีเอ็นบีซีเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา
“ หากคุณมองด้วยเหตุผล ผมคิดว่านี่เป็นฟองสบู่เครดิตที่ผมได้เห็นจากมูลค่าหนี้ที่เกี่ยวข้องกับจีดีพีภายใน 5 -7 ปีที่ผมเคยเห็นมาในอาชีพการทำงานที่ยาวนาน 25 – 30 ปีของผม ” Watling กล่าว
“ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่เราพบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับตัวเลขจีดีพีของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ และเป็นสถานการณ์ที่มีปัญหายุ่งยาก ชัดเจนว่าจำนวนหนี้สูงเกินไปและบางขั้นตอนอาจจะกลายเป็นประเด็นที่น่ากังวล และผมคิดว่าระบบการคลังเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจอย่างยิ่ง ”
โดยมูดีส์รายงานว่า การลดอันดับเครดิตสะท้อนให้เห็นถึง ความล้มเหลวของรัฐบาลจีนในการบริหารจัดการระดับหนี้ ขณะที่เริ่มดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างแข็งขัน
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิรูปและเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งหวังว่าจะปรับเปลี่ยนจากเดิมที่พึ่งพาภาคการผลิตเป็นหลัก มาเป็นเศรษฐกิจที่เน้นการบริการและการบริโภคในประเทศ
อย่างไรก็ตาม จากการมุ่งเน้นที่การกู้ยืม และการคงการเติบโต และปรับปรุงการจ้างงาน ทำให้มีความเสี่ยงที่รัฐบาลจะสูญเสียการรับรู้ถึงอีกปัจจัยที่ขัดขวางศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต นั่นคือปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
“ ประเด็นสำคัญซึ่งเป็นปัจจัยที่ 3 ในจีน คือ การไร้ความสามารถของรัฐบาลจีนที่จะแก้ไขการทำลายสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่พุ่งทะยานของจีน ” Bill Blain นักกำหนดกลยุทธ์ของบริษัท Mint Partners เขียนในผลการวิจัยเมื่อวันที่ 24 พ.ค.
“ ความสำเร็จของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน คุณภาพอากาศ มลพิษจากโลหะหนัก คุณภาพน้ำ และความแห้งแล้งยังคงห่างไกล การกู้ยืมจะเป็นปัญหาความท้าทายมากขึ้น ขณะที่ยังคงต้องบริหารจัดการให้พลเมืองมีงานทำ ”