ฝรั่งเศสเตือนภัยก่อการร้ายสูงสุด หลังเหยื่อถูกแทงดับ 3 ราย
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. เกิดเหตุมือมีดสังหารเหยื่อ 3 รายที่โบสถ์ในเมืองทางใต้ของฝรั่งเศส โดยการตัดศีรษะหญิงวัย 60 ปี เป็นเหตุุร้ายที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงระบุว่า “เป็นการก่อการร้ายของอิสลาม”
โดยผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้อพยพชาวตูนีเซียวัย 21 ปี พกคัมภีร์อัลกุรอานและมีด 3 เล่มไว้กับตัว ได้ร้องตะโกนว่า “อัลเลาะห์ อักบาร์” หรือ “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่” เมื่อตำรวจมาถึงและยิงเขาจนบาดเจ็บสาหัส จากถ้อยแถลงของฌอง-ฟรองซัวส์ ริชาร์ด อัยการที่ดูแลคดีก่อการร้ายที่ระบุในการแถลงข่าว
ในช่วงเวลาสะเทือนขวัญเกือบ 1 ชั่วโมงที่เกิดขึ้นในมหาวิหารนอทร-ดาม กลางเมืองนีซ ฆาตกรก่อเหตุโดยใช้มีดยาว 30 ซม. ปาดคอของเหยื่อผู้หญิงวัย 60 ปีเป็นแผลลึกจนเขาสามารถตัดศีรษะของเธอได้ โดยเธอเสียชีวิตในโบสถ์
ขณะที่ร่างของเหยื่อที่เป็นชาย วัย 55 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่โบสถ์ ถูกพบอยู่ภายในมหาวิหาร และเขาถูกฆ่าปาดคอ
เหยื่ออีกรายเป็นหญิง วัย 44 ปี ซึ่งพยายามหนีออกจากโบสถ์ไปยังร้านอาหารใกล้ๆ แต่ยังถูกคนร้ายกระหน่ำแทงหลายแผลจนเสียชีวิต
อัยการริชาร์ดระบุว่า เหยื่อตกเป็นเป้าสังหารเพียงเพราะพวกเขาอยู่ในโบสถ์แห่งนี้ในช่วงเวลานั้นพอดี
โดยเขาเสริมว่า เหตุร้ายครั้งนี้ เป็นการเตือนให้ระลึกว่า “แนวคิดการก่อการร้ายที่รุนแรงสุดโต่งของอิสลามยังคงมีอยู่ ไม่หายไปไหน ”
เขาระบุว่า ผู้ต้องหาเป็นชาวตูนีเซีย เกิดในปี 2542 เขาเดินทางถึงอิตาลีในวันที่ 20 ก.ย. และเดินทางมาฝรั่งเศสในวันที่ 9 ต.ค. ในกระเป๋าที่เขาทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ ตำรวจพบมีดที่ไม่ได้ใช้ 2 เล่ม และอัยการระบุว่า ตำรวจยิงเขาเพื่อ “ ป้องกันไม่ให้เหตุร้ายลุกลาม”
เหตุสังหารสะเทือนขวัญ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวัน All Saints ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ทำให้รัฐบาลยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายขึ้นเป็นระดับฉุกเฉินสูงสุดทั่วประเทศ
โบสถ์ทั่วฝรั่งเศสดูจะมีแต่เสียงระฆังงานศพ โดยมีเสียงระฆังตามธรรมเนียมดั้งเดิมเพื่อแสดงความอาลัยกับผู้เสียชีวิตในเวลา 15.00 น.
ประธานาธิบดีมาครงเดินทางถึงที่เกิดเหตุในเมืองนีซอย่างรวดเร็ว โดยเขาประกาศว่าจะมีการเสริมกำลังทหารที่โบสถ์ทั่วฝรั่งเศส จากเดิม 3,000 นาย เป็น 7,000 นาย
โดยเขาระบุว่า จะมีการเสริมกำลังรักษาความปลอดภัยที่โรงเรียนด้วย
“ ชัดเจนว่า ฝรั่งเศสกำลังถูกโจมตี” ประธานาธิบดีเสริม โดยรับปากว่าประเทศ “จะไม่ล้มเลิกคุณค่าของเรา”
ฝรั่งเศสตกเป็นเป้าของความโกรธเคืองในโลกอิสลาม หลังจากมาครงประกาศจะต่อสู้เพื่อความเชื่อที่แตกต่าง หลังจากในวันที่ 16 ต.ค. ซามูเอล ปาตี ครูสอนประวัติศาสตร์ถูกฆ่าตัดหัวโดยผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นมุสลิมหัวรุนแรง โดยสาเหตุคือครู คนนี้นำภาพการ์ตูนล้อเลียนนบีโมฮัมหมัด ซึ่งเป็นศาสดาของอิสลามมาใหันักเรียนแสดงความเห็นในการสอนหัวข้อเสรีภาพในการแสดงออก
แต่หลายคนตำหนิมาครงที่ตั้งเป้าอย่างไม่เป็นธรรมไปที่ชาวมุสลิม 5 – 6 ล้านคนในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นชุมชนมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
หลายประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมได้ออกแคมเปญต่อต้านสินค้าแบรนด์ฝรั่งเศส ขณะที่มีการประท้วงเผาธงชาติฝรั่งเศสและโปสเตอร์ภาพมาครงทั้งในซีเรีย ลิเบีย บังคลาเทศ อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และปาเลสไตน์
โดยเมื่อวันที่ 29 ต.ค. มาครงขอให้ประชาชนจากทุกศาสนารวมกันเป็นหนึ่งเดียว และไม่แบ่งแยกในเชิงจิตวิญญาณ
ทั้งนี้ อับดัลลาห์ เซครี ผอ.สภามุสลิมในฝรั่งเศสประณามเหตุร้ายในวันที่ 29 ต.ค. และขอให้ชาวมุสลิมในฝรั่งเศสยกเลิกการเฉลิมฉลองเทศกาลเมาลิด หรือวันประสูติของนบีโมฮัมหมัด “ เพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจและเป็นหนึ่งเดียวกันกับเหยื่อและผู้เป็นที่รักของพวกเขา”