G7 รวมตัวเผชิญหน้าอัสซาดและรัสเซีย
มีการรวมตัวของกลุ่มประเทศ G7 ในอิตาลีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.เพื่อประชุมแก้ปัญหาความขัดแย้งในซีเรีย หลังจาก เกิดเหตุสะเทือนขวัญที่มีการใช้สารที่ต้องสงสัยว่าเป็นอาวุธเคมีในซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รัฐมนตรีต่างประเทศของแต่ละประเทศใน G7 จะมุ่งเน้นในประเด็นการกดดันรัสเซียเพื่อให้ถอยห่างออกจากการสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย
โดยบรรดาประเทศพันธมิตรจะถามหาความชัดเจนจากนโยบายสหรัฐฯ ที่มีต่อซีเรีย หลังจากมีความสับสน ปนเปของถ้อยความ
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน วิพากษ์วิจารณ์รัสเซียอย่างรุนแรง เขากล่าวว่า เป็นความล้มเหลวของรัสเซียที่ไม่สามารถป้องกันไมให้มีการใช้อาวุธเคมีในเมืองข่าน เชคุนที่ถูกพวกกบฎยึดครองเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 89 รายได้
แต่เขายังชี้แจงว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของกองทัพสหรัฐฯในซีเรีย หลังจากสหรัฐฯ ยิงจรวดขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซีย และนโยบายที่สำคัญที่สุดของวอชิงตันในซีเรียคือ การมีชัยชนะเหนือกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม
ทั้งนี้ ความคิดเห็นของเขาเกิดขึ้นหลังจากทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติกล่าวว่า ไม่มีหนทางที่จะสร้างเสถียรภาพในซีเรียหากประธานาธิบดีอัสซาดยังคงเป็นผู้นำรัฐบาลในซีเรียอยู่ ทูตนิกกี เฮลีย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘ พบผู้สื่อข่าว’ ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่แล้ว เธอเคยกล่าวว่า การปลดประธานาธิบดีอัสซาดไม่ใช่ความสำคัญลำดับแรกของสหรัฐฯอีกต่อไป
โดยกลุ่มประเทศ G7 ประกอบด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ พร้อมทั้งสหภาพยุโรป บรรดารัฐมนตรีมีการประชุมกันในเมือง ลุคกา ในแคว้นทัสคานีในวันที่ 10 – 11 เม.ย.นี้ และในวันที่ 11 เม.ย.รัฐมนตรีต่างประเทศทิลเลอร์สันของสหรัฐฯ จะเดินทางออกจากการประชุมไปที่กรุงมอสโก ซึ่งเขาจะเข้าพบเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย
ทั้งนี้ รัสเซียเป็นพันธมิตรหลักของรัฐบาลประเทศซีเรีย และช่วยเอื้อให้เกิดการทำข้อตกลงในปี 2556 เพื่อทำลายคลังแสงอาวุธเคมีของรัสเซีย
รัฐมนตรีทิลเลอร์สันกล่าวว่า ความล้มเหลวของรัสเซียในการกำจัดอาวุธเคมีในซีเรียกลายเป็นการหนุนให้เกิดการโจมตีด้วยอาวุธเคมีครั้งรุนแรงล่าสุด
โดยซีเรียปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้อาวุธเคมีใดๆ ในขณะที่รัสเซียโต้ว่า สหรัฐฯไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี
ศูนย์บัญชาการที่ประกอบด้วยกองกำลังของพันธมิตรสำคัญของประธานาธิบดีอัสซาดอย่างรัสเซียและอิหร่าน ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า การโจมตีล่าสุดของกองทัพสหรัฐฯในซีเรียเป็นการ ‘ล้ำเส้น’
“จากนี้ไป เราจะตอบโต้ด้วยกำลังต่อผู้ที่แสดงความก้าวร่้าว หรือการละเมิดล้ำเส้นจากใครก็ตาม และอเมริการู้ดีถึงความสามารถในการตอบโต้ของเรา” อ้างอิงจากแถลงการณ์ที่เผยแพร่ในสื่ออิลาม อัล ฮาร์บิ.