‘อาร์เดิร์น’ ชนะเลือกตั้งนิวซีแลนด์ถล่มทลาย
เวลลิงตัน : เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น หัวหน้าพรรคแรงงานชนะการเลือกตั้งอีกครั้งอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปของนิวซีแลนด์ โดยประชนเทคะแนนให้เธอจากความสามารถในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา
ผลการเลือกตั้งทำให้อาร์เดิร์น ในวัย 40 ปีจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ในรอบหลายทศวรรษ และเผชิญกับความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เกิดความก้าวหน้าอย่างที่เธอเตยสัญญาไว้ แต่ล้มเหลวไม่อาจทำสำเร็จในวาระแรก เนื่องจากพรรคแรงงานต้องแบ่งอำนาจในการบริหารกับพรรคอื่น
“ นิวซีแลนด์สนับสนุุนพรรคแรงงานอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี ” นายกฯ กล่าวกับผู้สนับสนุนหลังได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย “ เราจะน้อมรับการสนับสนุนที่พวกคุณมอบให้ และฉันสัญญาว่า เราจะเป็นพรรคการเมืองที่บริหารประเทศเพื่อชาวนิวซีแลนด์ทุกคน”
โดยพรรคแรงงานชนะได้ครองที่นั่งในสภา 64 ที่นั่งจากทั้งหมด 120 ที่นั่ง สูงที่สุดนับตั้งแต่นิวซีแลนด์มีระบบการโหวตตามสัดส่วนเมื่อปี 2539 เป็นต้นมา
หากพรรคแรงงานได้ชัยชนะเกินครึ่ง อาร์เดิร์นจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวภายใต้ระบบการเมืองปัจจุบัน
“ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์” ไบรซ์ เอ็ดเวิร์ดส จากมหาวิทยาลัยวิกตอเรียในเวลลิงตันกล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของนิวซีแลนด์ในรอบ 80 ปี
นายกฯอาร์เดิร์นได้ใจคนทั้งโลกจากการรับมือกับเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญในปีที่แล้วจากคนร้ายที่มีแนวคิดเหยียดเชื้อชาติที่เมืองไครส์เชิร์ช ด้วยแนวคิดของเธอที่ว่า “เข้มแข็ง และเป็นคนดี ” และเธอยังเร่งผลักดันให้เกิดกฎหมายห้ามการใช้อาวุธปืนได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ชื่อเสียงของเธอในปีนี้มาจากแนวนโยบายในการรับมือกับไวรัสโคโรนา มีมาตรการที่เข้มงวดรวดเร็ว ช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกตั้งล่าช้ามาถึงหนึ่งเดือน หลังจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในเมืองโอ๊กแลนด์ ทำให้ต้องมีมาตรการล็อกดาวน์เมืองโอ๊กแลนด์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ
ขณะที่เธอได้รับการยอมรับและชื่นชมจากทั่วโลกจากแนวคิดก้าวหน้า ทั้งสิทธิสตรีและความยุติธรรมในสังคม แต่ในประเทศเอง เธอถูกวิจารณ์ว่า รัฐบาลของเธอล้มเหลวไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างที่เคยสัญญาไว้
ชีวิตกลับมาเป็นปกติในนิวซีแลนด์ แต่ยังคงมีการปิดพรมแดน ภาคการท่องเที่ยวยังคงบาดเจ็บเลือดไหลไม่หยุด และนักเศรษฐศาสตร์ทำนายว่า เศรษฐกิจจะถดถอยหลังมาตรการล็อกดาวน์ที่เคร่งครัด
เศรษฐกิจนิวซีแลนด์หดตัวลงถึง 12.2% ต่อปีในไตรมาส 2 ดิ่งที่สุดนับตั้งแต่มีเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงที่สุดของโลก คาดการณ์ว่าหนี้จะเพิ่มเป็น 56% ของจีดีพี จากที่เคยต่ำกว่า 20% ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19
ในวันที่ 17 ต.ค. นิวซีแลนด์ยังมีการโหวตลงประชามติเพื่อให้การการุณยฆาตและการใช้กัญชาบำบัดเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ซึ่งจะมีการประกาศผลในวันที่ 30 ต.ค.
การลงประชามติครั้งนี้ ทำให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ 3 ในโลก ที่อนุญาตให้ผู้ใหญ่ใช้และขายกัญชาทั่วประเทศได้อย่างเสรี ตามหลังอุรุกวัยและแคนาดา