จีดีพีสหรัฐฯไตรมาส 4 พลาดเป้า
เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโต 1.9% ต่อปีในไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ชะลอตัวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.2% และต่ำกว่าตัวเลขในไตรมาส 3 คือ 3.5%
ในปี 2559 ตัวเลขจีดีพีเพิ่มขึ้น 1.6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชะลอตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมาและลดลงจากปี 2558 ที่สหรัฐฯมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 2.6%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้สัญญากับประชาชนว่า จะหนุนให้จีดีพีของสหรัฐฯ เติบโตสูงถึง 4% โดยผ่านการลดภาษีและการใช้งบประมาณในโครงสร้างพื้นฐาน ครั้งสุดท้ายที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เติบโตด้วยตัวเลขนี้คือเมื่อปี 2543 ซึ่งเป็นปีที่เว็บไซต์บูม คือมีการขยายตัวถึง 4.1%
ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานว่า การส่งออกชะลอตัวและการนำเข้าปรับเพิ่มขึ้น
ตัวเลขที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 28 ม.ค.เป็นการประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจครั้งแรกและอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ยังไม่ครบถ้วน โดยการประเมินล่าสุดจะมีการเปิดเผยวันที่ 26 ก.พ.
นายพอล แอชเวิร์ธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำสหรัฐฯ ที่ Capital Economics ให้ความเห็นว่า การชะลอตัวไม่ใช่สาเหตุที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะครึ่งปีหลังได้รับอิทธิพลจากการส่งออกที่ผกผันชั่วคราว
ในไตรมาส 3 ยอดส่งออกถั่วเหลืองพุ่งทะยานเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์นี้ไม่ซ้ำรอยเดิมในไตรมาสสุดท้ายของปี เขากล่าวว่า “ เรากังวลมากขึ้นกับการชะลอตัวของจีดีพี”
ความคาดหวังในเชิงบวกเกี่ยวกับนโนบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ช่วยขับเคลื่อนตลาดหุ้นให้พุ่งขึ้น โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งทะยานขึ้นทะลุ 20,000 จุดเป็นครั้งแรก
ตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ที่ 1.6% ต่อปีตามหลังตัวเลขจีดีพีของสหราชอาณาจักรในสัปดาห์นี้ที่ตัวเลขจีดีพีของปี 2559 เพิ่มขึ้น 2% นอกจากนี้ ผลผลิตของสหราชอาณาจักรยังเติบโตแซงหน้าเยอรมนีซึ่งมีการเติบโตอยู่ที่ 1.9% ในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเธเรซา เมย์แห่งสหราชอาณาจักรได้ประชุมกับประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าจะมีการพูดคุยกันถึงโอกาสทางการค้าหลังเบร็กซิท
สหราชอาณาจักรไม่สามารถเจรจาทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศอื่นๆ ได้จนกว่าจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เขาต้องการการเจรจาทำข้อตกลงอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น.