ประท้วงคุมเข้มโควิด-19 ในลอนดอน
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ที่จตุรัสทราฟัลการ์ที่กรุงลอนดอนในช่วงบ่าย เนื่องจากมีการชุมนุมประท้วงมาตรการคุมเข้มโควิด-19 เพื่อควบคุมการระบาดของรัฐบาล
โดยประชาชนหลายพันคน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากากอนามัย รวมตัวชุมนุมกันที่จตุรัสยอดนิยมเพื่อฟังการวิพากษ์วิจารณ์มาตรการคุมเข้มโควิด-19 ของรัฐบาล ซึ่งลิดรอนสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน
สำนักงานตำรวจในกรุงลอนดอนระบุก่อนการชุมนุมว่า เจ้าหน้าที่ขอให้ผู้ประท้วงปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม “ กลุ่มผู้ชุมนุมในจตุรัสทราฟัลการ์ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อลดความเสี่ยง และทำให้ทุกคนอยู่ในอันตรายของการแพร่เชื้อไวรัส” ตำรวจระบุในแถลงการณ์ โดยเสริมว่า “ เราขอให้ผู้ชุมนุมที่จตุรัสทราฟัลการ์สลายตัวออกไป”
มีการชุมนุมเกิดขึ้นเพราะรัฐสภากำลังเตรียมที่จะทบทวนกฎหมายโควิด-19 และรัฐบาลจะเสนอกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมโรคระบาด ส.ส.หลายคนกล่าววิจารณ์รัฐบาลที่กำหนดข้อบังคับโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา
โฆษกของการชุมนุมปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้ใช้ทฤษฎีสมคบคิด โดยโต้แย้งว่าพวกเขายืนหยัดเพื่อเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิมนุษยชน
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ รัฐบาลประกาศมาตรการเคอร์ฟิวให้บาร์และร้านอาหารทั่วประเทศปิดให้บริการเวลา 22.00 น.
กำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและเพิ่มค่าปรับสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตาม นอกจากนี้ยังห้ามการรวมกลุ่มกันเกิน 6 คน แต่มีข้อยกเว้นสำหรับการประท้วง ตราบเท่าที่กลุ่มผู้จัดการชุมนุมมีการประเมินความเสี่ยงและปฏิบัติตามการรักษาระยะห่างทางสังคม
การชุมนุมครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อนมีการชุมนุมแบบเดียวกันของประชาชนหลายพันคนที่จตุรัสแห่งนี้ โดยตำรวจระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายได้รับบาดเจ็บในระหว่างการปะทะกัน เมื่อผู้ชุมนุมบางคน ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนน้อยเริ่มก่อความรุนแรง
สหราชอาณาจักรมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในยุโรป คือเกือบ 42,000 ราย โดยยอดผู้รักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้
นอกเหนือจากมาตรการโควิด-19 ทั่วประเทศ ยังมีการคุมเข้มอื่นๆเพื่อชะลอการระบาดของโรค ทำให้ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 1 ใน 4 ของประชากร 65 ล้านคนในสหราชอาณาจักรจะต้องอยู่ภายใต้มาตการที่เข้มงวดเหล่านี้
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ในกรุงลอนดอน ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 9 ล้านคน ถูกเพิ่มเข้าไปในเมืองที่ต้องเฝ้าระวังของรัฐบาลในฐานะ “พื้นที่น่ากังวล” หมายความว่าเมืองหลวงของประเทศจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการคุมเข้มแบบเดียวกัน หากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง