เซี่ยงไฮ้เก่งภาษาอังกฤษแซงฮ่องกง

เซี่ยงไฮ้มีคะแนนนำฮ่องกงในการทดสอบทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอีกครั้ง หลังจากมีความร่วมมือ เพื่อปรับปรุงพัฒนาครั้งใหญ่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากรายงานล่าสุด
อ้างอิงจากดัชนีจัดอันดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ (EPI) ประจำปี 2559 สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในเอเชียที่อยู่ในอันดับดีที่สุดของดัชนี โดยอยู่ในอันดับที่ 6 ทั้งนี้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการในสิงคโปร์ ในโรงเรียนรัฐบาล เด็กๆ จะเรียนสองภาษาคือทั้งอังกฤษและจีน
ทั้งนี้ เนเธอร์แลนด์อยู่ในอันดับ 1 ของดัชนี ตามมาด้วยประเทศแถบสแกนดิเนเวียคือเดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ และฟินแลนด์อยู่ในอันดับ 5
ดัชนี EPI รวบรวมข้อมูลจากบริษัทด้านการศึกษา EF Education First ซึ่งจัดทำการทดสอบภาษาอังกฤษออนไลน์ของผู้ใหญ่ 950,000 คน ใน 72 ประเทศและอาณาเขตในปีนี้ และเผยแพร่โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซี
จีนอยู่ในอันดับ 39 จาก 72 ประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับฮ่องกงที่อยู่อันดับ 30 ของโลก โดยเมืองศูนย์กลางการเงินอย่างเซี่ยงไฮ้กลับมีคะแนนทดสอบออนไลน์ดีกว่าฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนและเป็นฮับด้านการเงินในภูมิภาคเอเชีย
โดยเซี่ยงไฮ้ได้คะแนนทดสอบ EPI อยู่ที่ 55.54 คะแนน เมื่อเทียบกับฮ่องกงที่มีคะแนน 54.29 ในปี 2559 นี้ อย่างไรก็ตาม เมืองหลวงอย่างกรุงปักกิ่งก็ได้คะแนนน้อยกว่าฮ่องกง คืออยู่ที่ 53.49 คะแนน
ในแง่ของคะแนนที่พัฒนาขึ้นส่งผลต่ออันดับในดัชนี EPI เซี่ยงไฮ้มีคะแนนขยับขึ้นมาถึง 4.35 คะแนน ภายใน 5 ปีเทียบกับฮ่องกงที่พัฒนาเพิ่มขึ้น 0.64 โดยเซี่ยงไฮ้ได้คะแนนในการพัฒนาใกล้เคียงกับสิงคโปร์ที่มีคะแนนเพิ่มขึ้นถึง 4.87 คะแนน
ก่อนหน้านี้ เซี่ยงไฮ้เคยเอาชนะฮ่องกงในการทดสอบความสามารถด้านภาษาอังกฤษมาได้ครั้งหนึ่งแล้วในปี 2557
นายมินห์ ทราน ผู้อำนวยการอาวุโสด้านวิจัยและหุ้นส่วนสถาบัน EF กล่าวว่า การพัฒนาของเซี่ยงไฮ้เกิดจากความสำคัญที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นของการใช้ภาษาอังกฤษในจีน เพื่อตอบสนองต่อธุรกิจต่างประเทศและการจ้างงานในระดับโลก
“ บริษัทของจีนอย่างอาลีบาบาและหัวเว่ย ซึ่งต้องมองหาผู้ประกอบการต่างประเทศหรือดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศต่างคาดหวังทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่สูงขึ้นจากผู้สมัครงานของบริษัท ” นายทรานอธิบาย
ประเทศในอาเซียนยังคงมีผลการทดสอบที่ดีเช่นกัน โดยมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 12 และฟิลิปปินส์อยู่ที่ 13 เวียดนามและอินโดนีเซียเองก็มีผลการทดสอบที่ดีอย่างน่าประหลาดใจ โดยเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 31 และอินโดนีเซียอยู่ที่ 32 นายทรานเน้นว่าระบบการศึกษาที่มีการแข่งขันกันสูงในเวียดนาม ทำให้ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษพัฒนาขึ้น โดยเวียดนามลงทุนไปถึง 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในแผนระดับชาติปี 2551 เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของประชาชนให้ดีขึ้นภายในปี 2563.