เมลเบิร์นบังคับสวมหน้ากาก
เมลเบิร์น : เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ทางการเมืองเมลเบิร์น เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของออสเตรเลียออกประกาศบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ เนื่องจากเมลเบิร์นพยายามที่จะควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนา
รัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเมลเบิร์น ในตอนนี้มีเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกือบ 3,000 ราย หลังจากมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 363 รายในวันที่ 19 ก.ค. แม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์มาแล้วสิบวันก็ตาม
แดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีของรัฐระบุว่า ประชนกว่า 5 ล้านคนในเมืองเมลเบิร์นและเมืองมิตเชลล์ จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือสิ่งปกคลุมใบหน้าในสถานที่สาธารณะตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 22 ก.ค.
“ คนเราส่วนใหญ่จะไม่ออกจากบ้านโดยไม่พกกุญแจของเรา เราจะไม่ออกจากบ้านถ้าไม่หยิบโทรศัพท์มือถือไปด้วย ” เขาระบุในการแถลงข่าว
“ เราจะไม่สามารถออกจากบ้านโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และสวมในสถานที่ซึ่งสำคัญอย่างที่สุดเพื่อหยุดการระบาดของไวรัส ”
ผู้ละเมิดไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่จะต้องจ่ายค่าปรับ 200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยแอนดรูว์สระบุว่า เป็นดุลพินิจตามสามัญสำนึกของบุคคลว่าอาจจะไม่สวม หรือไม่สวม ขณะวิ่งออกกำลัง หรือไปธนาคาร
โดยผ้าผูกผมและผ้าพันคอสามารถนำมาใช้ปกคลุมใบหน้าได้จนกว่าทางรัฐจะสามารถบริหารจัดการซัพพลายหน้ากากอนามัยให้เพียงพอสำหรับประชาชน แอนดรูว์สกล่าว โดยเสริมว่า อะไรก็ตามที่นำมาใช้ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรปกคลุมใบหน้าเลย
การตัดสินใจครั้งนี้ ทำให้เมืองเมลเบิร์นเป็นเมืองแรกในประเทศออสเตรเลียที่บังคับให้ประชาชนสวมหน้ากาก
ทั้งนี้ การสวมหน้ากากไม่ใช่เรื่องปกติในออสเตรเลีย และไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรับมือโควิด-19 จนถึงตอนนี้
“ เราจะสวมหน้ากากในวิกตอเรียและอาจมีผลกับพื้นที่อื่นของประเทศเป็นเวลานาน” แอนดรูว์สกล่าว “ ไม่มีวัคซีนสำหรับสกัดไวรัสที่ดุร้ายนี้ เรื่องง่ายๆ แต่เป็นการเปลี่ยนนิสัย จะกลายเป็นส่วนง่ายๆของชีวิตประจำวันของเรา”
รัฐอื่นๆและอาณาเขตปิดพรมแดนไม่ให้ประชาชนจากรัฐวิกตอเรียเข้ามาเพื่อหยุดการระบาด โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนหลายสัปดาห์แล้ว
แต่การระบาดได้มาถึงซิดนีย์ ซึ่งตัวเลขการติดเชื้อในพื้นที่พุ่งขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ หลังจากมีคลัสเตอร์ติดเชื้อผุดขึ้นครั้งแรกจากชาวเมืองเมลเบิร์นซึ่งไปเที่ยวผับยอดนิยมชื่อดัง
ออสเตรเลียรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกือบ 12,000 รายทั่วประเทศ และมีผู้เสียชีวิต 122 รายจากประชากรประมาณ 25 ล้านคน