นิวซีแลนด์เริ่มเปิดห้าง 14 พ.ค.
เวลลิงตัน ( รอยเตอร์) – ธุรกิจหลายประเภทในนิวซีแลนด์ ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ คาเฟ่ และสถานออกกำลังกายจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ หลังจากประเทศมีมาตรการเข้มงวดในการสกัดไวรัสโคโรนามานานและเริ่มผ่อนปรนตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.
นิวซีแลนด์ ซึ่งมีมาตรการล็อกดาวน์นานกว่าหนึ่งเดือน ภายใต้ความเข้มงวดในระดับ 4 เริ่มมีการลดระดับการคุมเข้มลง 1 ระดับในช่วงปลายเดือนเม.ย. แต่ยังคงมีมาตรการทางสังคมที่เคร่งครัดอย่างต่อเนื่องกับพลเมืองและธุรกิจ ช่วยสกัดไวรัสไม่ให้แพร่ระบาดไปมากกว่านี้
นายกรัฐมนตรีเจซินดา อาร์เดิร์นระบุว่า การลดระดับมาตรการเข้มงวดลงมาอยู่ระดับ 2 จะทำให้ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหารและสถานที่สาธารณะอื่นๆ รวมทั้งสนามเด็กเล่น สามารถเปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.นี้
โดยนายกฯอาร์เดิร์นให้ข้อมูลว่า โรงเรียนจะเปิดตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. ขณะที่บาร์เปิดได้ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. และมีการจำกัดการอยู่รวมกันไม่ให้เกิน 10 คน
“ ต่อจากนี้คือภายใน 10 วัน เราจะเปิดธุรกิจส่วนใหญ่ในนิวซีแลนด์ ซึ่งเร็วกว่าอีกหลายประเทศทั่วโลก” นายกฯอาร์เดิร์นระบุในการแถลงข่าว “ แต่ตรงกับแผนของเรา คือ คุมเข้มอย่างหนัก อย่างเร็ว เพื่อให้เราสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เร็วกว่า และเราจะได้ผลดีจากเศรษฐกิจและมีการรับมือด้านสาธารณสุขที่เหมาะสม ”
แต่ยังคงกำหนดให้ธุรกิจต้องมีการเว้นระยะห่างทางร่างกาย และมีมาตรการสุขอนามัยที่เคร่งครัด ขณะที่แอร์นิวซีแลนด์ประกาศว่าจะเริ่มทำการบินในประเทศอีก 7 เส้นทางบินเมื่อประเทศเข้าสู่การเตือนภัยในระดับ 2
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเดินทางระหว่างประเทศเพราะยังมีการปิดพรมแดนอยู่ ยกเว้นเฉพาะชาวนิวซีแลนด์ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ
โดยผู้นำนิวซีแลนด์ระบุว่า จะมีการทบทวนมาตรการอีกครั้งในสองสัปดาห์
รัฐบาลมีแผนจะใช้กฎหมายใหม่ที่ให้อำนาจทางการคุมเข้มการรักษาระยะห่างทางร่างกาย และควบคุมการรวมตัวกันของประชาชน หลังจากมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับผลทางกฎหมายของมาตรการล็อกดาวน์
ในวันที่ 11 พ.ค. กระทรวงสาธารณสุขระบุในแถลงการณ์ว่า มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 3 ราย โดย 2 รายเป็นพยาบาลในโรงพยาบาล และอีกรายเกี่ยวข้องกับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ทำให้จำนวนผูติดเชื้อทั้งหมดของนิวซีแลนด์อยู่ที่ 1,147 ราย โดยเสริมว่า 93% ของผู้ป่วยยืนยันทั้งหมดหายดีและกลับบ้านได้แล้ว
รัฐบาลนิวซีแลนด์จะเผยงบประมาณประจำปีในวันที่ 14 พ.ค. และเตือนว่าประเทศจะขาดดุลงบประมาณหลายปี ขณะที่หนี้จะเพิ่มขึ้นเกินเป้าที่วางไว้จากมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ
อาร์เดิร์นถูกกดดันจากพรรคฝ่ายค้านให้คลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยระบุว่า การล็อกดาวน์ใช้เวลานานเกินไป ส่งผลกระทบกับธุรกิจรายเล็กและทำลายเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ประชาชนที่ไม่สามารถแต่งงาน จัดงานศพ หรือแม้แต่เดินทางไปหาคนที่รักได้ต่างก็เรียกร้องให้รัฐบาลคลายมาตการล็อกดาวน์ให้เร็วขึ้นด้วย.