สหรัฐฯ/จีนลงนามข้อตกลงการค้าเฟส 1
วอชิงตัน (AP) – เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯลงนามในข้อตกลงการค้ากับจีนที่คาดว่าจะหนุนการส่งออกจากเกษตรกรและผู้ผลิตสหรัฐฯ และตั้งเป้าจะลดระดับความตึงเครียดจากที่เคยมีข้อพิพาทกันมายาวนานระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ
โดยทรัมป์ระบุในระหว่างพิธีลงนามในทำเนียบขาวว่า ข้อตกลงนี้ “แก้ไขสิ่งผิดในอดีตให้ถูกต้อง”
เขาโปรโมทการลงนามในข้อตกลงว่าเป็นหนทางในการส่งมอบความยุติธรรมทางเศรษฐกิจให้กับคนทำงานอเมริกัน และระบุว่า “ เราได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในการค้าระหว่างประเทศ ” ด้วยการลงนามในข้อตกลง
ข้อตกลงนี้ถูกเรียกว่าเป็นเฟส 1 ของการเจรจาที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยมุ่งเน้นที่ความตึงเครียดประเด็นอื่นในความสัมพันธ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนระบุในจดหมายถึงประธานาธิบดีทรัมป์ว่า ข้อตกลงเฟสแรกนั้น “ ดีสำหรับจีน สหรัฐฯ และทั้งโลก” โดยรองนายกรัฐมนตรีหลิวเฮ่อของจีน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาเป็นผู้อ่านจดหมายนี้ในพิธีลงนาม
แต่ข้อตกลงนี้จะส่งผลเล็กน้อยในการบีบให้จีนเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจในเรื่องสำคัญ เช่น ลดการอุดหนุนบริษัทของจีนที่ไม่เป็นธรรมลง ซึ่งรัฐบาลของทรัมป์ถือเป็นนโยบายสำคัญที่ส่งผลให้มีการเริ่มทำสงครามการค้าด้วยการขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนในเดือนก.ค.2561
พิธีลงนามที่ทำเนียบขาวทำให้ทรัมป์มีโอกาสแสดงถึงความก้าวหน้าเรื่องเศรษฐกิจในวันเดียวกันกับที่สภาผู้แทนราษฎรเตรียมที่จะโหวตส่งเรื่องการถอดถอนไปที่วุฒิสภาเพื่อให้มีการไต่สวน โดยเขาบอกกับส.ส.จากพรรครีพับลิกันที่เข้าร่วมในพิธีว่าเขาเข้าใจหากบรรดาส.ส.จะต้องออกจากพิธีไปก่อนเพื่อโหวตลงคะแนน
ข้อตกลงนี้มุ่งเน้นในการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯมีกับจีน ขณะที่จีนจะซื้อสินค้าเกษตรและสินค้าอื่นๆจากสหรัฐฯมากขึ้น โดยทรัมป์เอ่ยถึง เนื้อวัว, เนื้อหมู , สัตว์ปีก , อาหารทะเล , ข้าว และผลิตภัณฑ์นม มาเป็นตัวอย่าง
ดีลนี้ช่วยลดความตึงเครียดจากข้อพิพาททางการค้าที่ส่งผลให้การเติบโตทั่วโลกชะลอตัว กระทบกับผู้ผลิตอเมริกัน และทำให้เศรษฐกิจจีนดิ่งลงมากที่สุดในในรอบหลายสิบปี โดยทรัมป์ระบุว่าการลดความตึงเครียดเป็นเรื่องสำคัญ
“ การทำให้สองชาติยักษ์ใหญ่และทรงอิทธิพลมาอยู่ร่วมกันอย่างสมัครสมานสามัคคีเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับโลก ” เขากล่าว “ โลกกำลังมองดูเราในวันนี้ ”
ขณะที่การเจรจาหยุดลงเป็นระยะเวลาสั้นๆจากหลายอย่างที่ทรัมป์ต้องการความเปลี่ยนแปลงจากจีน ทำให้สหรัฐฯ มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าประมาณ 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้านำเข้าจากจีน
โรเบิร์ต ไลไธเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯระบุว่า การทำงานเพื่อติดตามผลหลังการเจรจาจะทำให้ทราบว่าจีนได้ทำตามข้อผูกพันที่ทำไว้ในเฟสแรก “ เราต้องทำให้แน่ใจว่าจะมีการปฏิบัติตามอย่างเหมาะสม นี่เป็นข้อตกลงแรกและเราต้องแน่ใจว่ามันได้ผล”
ขณะที่รองนายกฯหลิวของจีนระบุว่า “ การร่วมมือกันเป็นทางเลือกเดียวที่ถูกต้อง”
จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯขาดดุลการค้าจีนลดลง 16% หรือ 62,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงมาอยู่ที่ 321,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จำนวนการขาดดุลจะลดลงอีกหากจีนทำตามสัญญาที่จะซื้อสินค้านำเข้าอเมริกันมากขึ้น
มาตรการภาษีของทรัมป์พิสูจน์แล้วว่าเป็นอุปสรรคกีดขวางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งชะลอตัวลงอยู่แล้ว แม้ความเสียหายดูจะน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม โดยยอดส่งออกทั่วโลกของจีนเพิ่มขึ้น 0.5% แม้จะขายสินค้าให้สหรัฐฯได้น้อยลง จากข้อมูลของกรมศุลกากรจีน.