คาเธ่ย์เตือนผลพวงประท้วงฮ่องกง

ฮ่องกง : เมื่อวันที่ 7 ส.ค. สายการบินประจำชาติฮ่องกงอย่าง คาเธ่ย์ แปซิฟิก ได้ออกโรงเตือนเกี่ยวกับเหตุการณ์การประท้วงที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อจำนวนการจองเที่ยวบินอีกด้วย
จอห์น สโลซาร์ ประธานสายการบิน ได้เตือนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสายการบินในภายภาคหน้า ซึ่งเป็นผลทั้งจากการประท้วงและความตึงเครียดของสถานการณ์การค้าโลก ในระหว่างที่มีการประกาศว่าคาเธ่ย์ แปซิฟิก กลับมาทำกำไรอีกครั้งหลังจากที่ขาดทุนอย่างรุนแรงในครึ่งปีแรกของปีก่อน
นายสโลซาร์ระบุว่า “ผลกระทบทางการเมืองและความตึงเครียดของสถานการณ์การค้าโลก คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง และส่งผลต่อความต้องการเดินทางโดยสารเครื่องบินและการจองเที่ยวบินตามลำดับครับ”
“การประท้วงในฮ่องกง ทำให้ยอดผู้โดยสารขาเข้าประเทศในเดือน ก.ค.ลดน้อยลง และส่งผลเสียต่อการจองเที่ยวบินในอนาคตครับ”
เมื่อครึ่งปีแรก ทางสายการบินทำรายได้ 1,350 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 5,299 ล้านบาท เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สายการบินขาดทุนเป็นเงิน 263 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 1,032 ล้านบาท
แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน แต่นายสโลซาร์ระบุว่า ทางสายการบินและเขายังคาดหวังที่จะเห็นผลประกอบการณ์ที่ดีกว่าเดิมในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของอุตสาหกรรมการบิน
ภาพของกลุ่มผู้ประท้วงสวมหน้ากาก และตำรวจที่ยิงแก๊สน้ำตาปะทะกันบนท้องถนนในฮ่องกง กลายเป็นประเด็นใหญ่ไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุดหรือสงบลง
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. สนามบินฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบิน 160 เที่ยว เนื่องจากการหยุดงานประท้วงที่ก่อให้การคมนาคมกลาหลไปทั่วเมือง
เที่ยวบินส่วนใหญ่ที่ยกเลิกเป็นของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก โดยทางสหภาพลูกเรือได้ยืนยันว่า ลูกเรือบางรายได้เข้าร่วมการประท้วงในครั้งนี้อีกด้วย
ด้านนักวิเคราะห์เตือนว่า เหตุการณ์ความไม่สงบ อาจเป็นการส่งสัญญาณเกี่ยวกับปัญหาความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจในอนาคตของเมืองฮ่องกงที่เศรษฐกิจกำลังฟุบตัว และจะส่งผลทำให้กระทบทำให้ความมั่นใจทางเศรษฐกิจเสียหายเป็นระยะเวลานานอีกด้วย
แต่เมื่อวันที่ 7 ส.ค.นายสโลซาร์ระบุว่า ทางสายการบินจะยังคงเดินหน้า “ลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการบินระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย”ต่อไป
เขาเสริมว่า “คาเธ่ย์ แปซิฟิก เป็นสายการบินประจำชาติของฮ่องกงมานานกว่า 70 ปี และเราจะยังคงให้บริการอย่างแน่วแน่และมั่นคงต่อฮ่องกงต่อไป”