เฟดลดดอกเบี้ย แต่ไม่ลดต่อเนื่อง
วอชิงตัน (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศลดดอกเบี้ยแต่ประธานเฟดระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจไม่ได้เป็นการเริ่มต้นแคมเปญยาวนานเพื่อหนุนเศรษฐกิจให้รับมือปัจจัยเสี่ยง จากสภาพเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก
จากคำอธิบายการตัดสินใจของธนาคารกลางในการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเน้นถึงสัญญาณการชะลอตัวทั่วโลก สงครามการค้าของสหรัฐฯ กับจีนที่ยังคุกรุ่น และความต้องการหนุนตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป
คาดการณ์อย่างกว้างขวางในตลาดการเงินวา เฟดจะลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 1 ใน 4 ลงมาอยู่ที่ 2.0 – 2.25% แต่เทรดเดอร์หลายคนคาดการณ์การยืนยันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นถึงการลดดอกเบี้ยที่ใกล้เข้ามา
“ผมขอพูดให้ชัดว่า นี่ไม่ใช่การเริ่มต้นการลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องยาวนาน” พาวเวลระบุในการแถลงข่าว หลังจากเฟดเปิดเผยแถลงการณ์นโยบายล่าสุด ในเวลาเดียวกัน เขากล่าวว่า “ ผมไม่ได้พูดว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ยแค่ครั้งเดียว”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมักกล่าวโจมตีจุดยืนในนโยบายของเฟด ภายใต้การบริหารของพาวเวลอยู่บ่อยครั้งและอยากให้มีการลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ ระบุบนทวิตเตอร์ว่า ประธานเฟด “ทำให้เราผิดหวัง” ด้วยการไม่ส่งสัญญาณว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆนี้
ตลาดหลักทรัพย์ขยับร่วงลงในระหว่างการแถลงข่าวของพาวเวล โดยดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 1.1%
เคน โพลคารี จาก Butcher Joseph Asset Management ระบุว่า ถ้อยแถลงของพาวเวล “ไม่ใช่สิ่งที่ตลาดอยากจะได้ยิน” แม้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะคาดการณ์อยู่แล้วว่าจะมีการลดดอกเบี้ย “เขาไม่ปิดประตู แต่เขาก็ไม่ระบุว่า จะมีการลดอีกครั้งในเดือนก.ย. ดังนั้น ก็รอก่อน” โพคารีกล่าว
ก่อนหน้าการตัดสินใจของเฟดในวันที่ 31 ก.ค. ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นเกือบ 3% ตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. เมื่อเฟดส่งสัญญาณครั้งแรกว่ามีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ย โดยให้คำมั่นว่าจะ “ ดำเนินการอย่างเหมาะสม” เพื่อคงสภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวยาวนานเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐฯ ไว้
“ สิ่งที่ตลาดอยากได้ยินจาก เจย์ พาวเวล และธนาคารกลางคือ นี่เป็นการเริ่มต้นการลดดอกเบี้ยอย่างยาวนานและมีเสถียรภาพ ซึ่งช่วยรักษาสมดุลจังหวะกับจีน สหภาพยุโรปและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก”
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวหลังการตัดสินใจของเฟด “เหมือนอย่างเคย พาวเวลทำให้เราผิดหวัง”
เฟดระบุในแถลงการณ์ว่า ยังมองว่าตลาดงานยัง “แข็งแกร่ง” และเสริมว่าการใช้จ่ายครัวเรือน “ฟื้นตัวขึ้น” แต่ชี้ว่าการใช้จ่ายธุรกิจ “อ่อนแรง” และมาตรการชดเชยเงินเฟ้อยังคงต่ำอยู่
โดยเฟดชี้ว่า การลดดอกเบี้ยจะช่วยให้เงินเฟ้อเติบโต 2% ตามเป้าที่ตั้งไว้ แต่ยังมีแนวโน้มความผันผวน การขยายตัวที่มั่นคงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และตลาดงานที่แข็งแกร่งเป็นผลลัพธ์ที่มีแนวโน้มมากที่สุด.