เฟดคงอัตราดอกเบี้ยดันหุ้น-ทองคำพุ่ง
• ธนาคารกลางฮ่องกงคงดอกเบี้ยตามเฟด
• ทองคำตลาดโลกขึ้นทะลุ 2 พันดอลลาร์
• ชี้เฟดปรับทิศเปลี่ยนดอกเบี้ยเป็นขาลง
ธนาคารกลางฮ่องกงตรึงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.75% ตามเฟด ดันราคาทองคำในตลาดโลกปรับรวดเดียวทะลุ 2 พันดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ สมาคมผู้ค้าทองคำ ประกาศราคาทองในประเทศครั้งที่ 1 ปรับขึ้น 200 บาทต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท
ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.75% ในวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งการที่ HKMA ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนไม่ต้องเผชิญกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นก่อนที่จะถึงเทศกาลวันหยุดช่วงปลายปี
ทั้งนี้ HKMA ดำเนินนโยบายตามทิศทางเดียวกับเฟดนับตั้งแต่ปี 1983 ภายใต้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งกำหนดให้สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับ ราคาทองคำ ณ เวลา 08.40 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 48.70 ดอลลาร์ หรือ 2.44% แตะระดับ 2,046.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ (14 ธ.ค.) จากเมื่อวานนี้ บาททองคำละ 200 บาท โดยเปิดตลาดเช้านี้ เมื่อเวลา 09.02 น. ราคาทองแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 33,700 บาท ขายออกบาททองคำละ 33,800 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 33,094.28 บาท ขายออกบาททองคำละ 34,300 บาท
บจ.ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส ระบุว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรง โดยเฉพาะช่วงกลางคืนหลังทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ได้มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับ 5.25-5.50% แต่การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เฟดได้ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% จากเดิมที่เคยส่งสัญญาณในช่วงการประชุมเดือนก.ย. ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีหน้า
ทั้งนี้ การส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มากขึ้น และส่งสัญญาณยุติขึ้นดอกเบี้ยนั้น ส่งผลทำให้เป็นแรงหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้น ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 2.31 ตัน
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำต่างประเทศปรับตัวขึ้นแรง แต่ค่าเงินบาทแข็งค่า คาดว่าราคาทองคำแท่งในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อแบ่งเป็นหลายไม้บริเวณ 33,350 บาท
ล่าสุด คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันพุธ (13ธ.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี