เพลิงไหม้นอเทรอดาม มาครงประกาศสร้างใหม่
ปารีส (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 15 เม.ย.เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในอาสนวิหารนอเทรอ-ดาม สถานที่สำคัญในกรุงปารีส ทำลายส่วนหลังคาของมหาวิหารจนถล่มลงมา สร้างความตกตะลึงให้กับชาวฝรั่งเศสและชาวโลก แม้ว่านักผจญเพลิงจะสามารถกอบกู้ส่วนหอระฆังหลัก และผนังส่วนนอกไว้ได้โดยไม่มีส่วนที่ถล่มลงมา ก่อนจะควบคุมเพลิงได้ในเวลาต่อมา
เพลิงไหม้เริ่มปะทุขึ้นในช่วงเย็น ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็วไปยังส่วนหลังคาของมหาวิหารที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8 ทำให้ยอดแหลมของมหาวิหารถูกเพลิงไหม้จนโค่นล้มลงมา ก่อนที่ส่วนหลังคาทั้งหมดจะถล่มลงมาในภายหลัง
หลังจากที่เพลิงไหม้ลุกลามอยู่กว่า 8 ชม. ในที่สุดเจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงก็สามารถดับไฟได้ส่วนใหญ่แล้วในเวลา 03.00 น. ของวันที่ 16 เม.ย. ตามเวลายุโรป ก่อนหน้านี้ ในขณะที่ต้องรับมือกับเพลิงไหม้ที่หอระฆังหลักเพื่อไม่ให้ถล่มลงมา ทางนักผจญเพลิงได้เข้ากอบกู้พระธาตุและงานศิลปะที่ประเมินค่าไม่ได้ออกมาจนหมดแล้ว มีนักผจญเพลิงได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากการปฏิบัติงานในครั้งนี้ 1 ราย
เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในที่เกิดเหตุก่อนเวลาเที่ยงคืนว่า “เราผ่านส่วนที่แย่ที่สุดได้แล้ว”
ปธน.มาครงระบุว่า ฝรั่งเศสจะเปิดตัวแคมแปญและเปิดระดมทุนเพื่อสร้างมหาวิหารนอเทรอ-ดามขึ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นมหาวิหารตัวอย่างที่งดงามที่สุดของสถาปัตยกรรมโกธิคของฝรั่งเศส และดึงดูดใจให้ผู้คนทั่วโลกได้เข้ามามีส่วนร่วมในการระดมทุนอีกด้วย
“เราจะสร้างอาสนวิหารขึ้นอีกครั้งด้วยกัน นี่จะเป็นโชคชะตาของฝรั่งเศสอย่างไม่ต้องสงสัย และเราจะเริ่มสร้างในปีต่อไป”
โครงสร้างหินหลักของตัวมหาวิหารรอดจากเพลิงไหม้ได้ในเวลาที่นักผจญเพลิงสามารถควบคุมไฟไว้ได้อย่างทันท่วงที
โฆษกของหน่วยดับเพลิงระบุว่า “เราจะยังคงเฝ้าดูแหล่งเชื้อไฟที่ยังเหลืออยู่ และจะบรรเทาบางบริเวณที่ยังร้อนอยู่ให้เย็นลง อย่างโครงคานของมหาวิหารที่ทำจากไม้”
อาสนวิหารนอเทรอ-ดามโด่งดังมีชื่อเสียงจากโครงสร้างที่โค้งมน ครีบยันลอย และงานกระจกสีที่ตระการตา รวมไปถึงการ์กอยสลักจากหินจำนวนมากที่ประดับไว้ทั่วอาคาร โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนสถานที่แห่งนี้มากถึง 13 ล้านคนต่อปี
อ้างอิงจากเว็บไซต์ของอาสนวิหารระบุว่า หลังคายาว 100 เมตร ซึ่งเสียหายจากเพลิงไหม้ในช่วงชั่วโมงแรก ถือเป็นหลังคาที่มีโครงสร้างเกาแก่ที่สุดในปารีส
ผู้คนต่างแสดงความโศกเศร้าเนื่องจากหวาดกลัวว่าโบราณสถานแห่งนี้จะหายไปในกองเพลิง และตั้งคำถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.