FB อยากให้รัฐบาลคุมเข้มเน็ตมากขึ้น
เมื่อวันที่ 30 มี.ค.มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊กเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ มีบทบาทเชิงรุกมากขึ้นในการควบคุมกฎระเบียบการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยกระตุ้นให้หลายประเทศรับเอากฎหมายไซเบอร์ใหม่ของยุโรปมาใช้เพื่อคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กและบริษัทยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตรายอื่นเคยต่อต้านการแทรกแซงของรัฐบาลจากหลายประเทศมานาน แต่ตอนนี้เฟซบุ๊กกลับลำและทำตรงข้ามกับที่เคยทำ โดยเรียกร้องให้มีกฎระเบียบในการควบคุมการใช้งานโลกออนไลน์มากขึ้น
“ผมเชื่อว่า เราจำเป็นต้องมีบทบาทเชิงรุกมากขึ้น ทั้งรัฐบาลและหน่วยงานที่กำกับดูแล” ซัคเคอร์เบิร์กเขียนในหน้าบทความพิเศษที่ตีพิมพ์ในสื่อวอชิงตันโพสต์
“ ด้วยการอัพเดทกฎระเบียบการใช้งานอินเทอร์เน็ต เราสามารถคุ้มครองสิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องนี้ คือเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกและสำหรับผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขณะที่ยังสามารถปกป้องสังคมจากภัยอันตรายที่มีในวงกว้างมากขึ้น”
โดยซัคเคอร์เบิร์กระบุว่าระเบียบข้อบังคับใหม่มีความจำเป็นที่ควรครอบคลุมใน 4 ประเด็นคือ คอนเทนต์ที่เป็นอันตราย, การคุ้มครองการเลือกตั้ง, ความเป็นส่วนตัว และการเคลื่อนย้ายข้อมูล
แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กเองต้องประสบปัญหาจากทั้ง 4 ประเด็นนี้ ทั้งข้อความที่แสดงออกถึงความเกลียดชัง การใช้ไลฟ์สตรีมมิ่งถ่ายทอดเหตุโจมตีมัสยิดในนิวซีแลนด์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ใช้เฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือในการแทรกแซงการเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ และความกังวลในการจัดเก็บข้อมูลการใช้งานส่วนตัว
ในประเด็นการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน เขา่ระบุว่า เขาสนับสนุนให้มีหลายประเทศมากขึ้นที่ออกกฎระเบียบในการใช้งานที่สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูล GDPR ของทางสหภาพยุโรป ซึ่งทำให้หน่วยงานที่กำกับดูแลมีอำนาจในการเข้าแทรกแซงองค์กรที่ไม่อาจควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งาน
“ ผมเชื่อว่า จะเป็นเรื่องดีสำหรับอินเทอร์เน็ต หากหลายประเทศกำหนดกรอบกฎหมายเหมือนกฎหมาย GDPR ” ซัคเคอร์เบิร์กเขียน และเรียกร้องให้มีกฎหมายเพื่อการันตีการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างบริการ
ในส่วนคอนเทนต์ที่เป็นอันตราย เขาระบุว่า เขาเห็นด้วยกับบรรดาส.ส.ที่โต้แย้งว่า “ เรามีอำนาจเหนือคำพูด ” โดยกล่าวว่า บุคคลที่ 3 อาจสร้างมาตรฐานในการกระจายแนวคิดที่เป็นอันตราย และ “ เป็นมาตรวัดบริษัทที่ต่อต้านมาตรฐานเหล่านั้น”
และในส่วนการเลือกตั้ง ซัคเคอร์เบิร์กชี้ว่า กฎหมายที่มีอยู่มุ่งเน้นที่ตัวแคนดิเดตและการเลือกตั้ง แทนที่จะเป็น “ประเด็นการเมืองที่แตกแยก ซึ่งเรามองว่ามีความพยายามจะแทรกแซงมากขึ้น” จึงควรมีกฎหมายเพื่อ “สะท้อนความเป็นจริงของภัยคุกคาม”
“กฎหมายในการควบคุมอินเทอร์เน็ตทำให้เป็นยุคที่ผู้ประกอบการจะสร้างบริการที่เปลี่ยนโลก และสร้างสรรค์คุณค่ามากมายในชีวิตของผู้คน” ซัคเคอร์เบิร์กเขียน “ ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนกฎหมายให้มีความรับผิดชอบที่ชัดเจนกับผู้คน บริษัท และรัฐบาลทั้งหลายต้องเดินหน้าขับเคลื่อน”