ประธานโคเรียนแอร์ถูกบีบออกจากบอร์ด
ประธานสายการบินโคเรียนแอร์ สายการบินเรือธงของเกาหลีใต้ ซึ่งสมาชิกในครอบครัวของเขาสร้างข่าวฉาวอย่างต่อเนื่อง (รวมถึงกรณีบุตรสาวคนโตที่ไม่พอใจที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเสิร์ฟถั่วใส่ถุงมาให้เธอ) ต้องเสียเก้าอี้ประธานบอร์ดบริหาร หลังจากผู้ถือหุ้นโหวตไม่ต่ออายุตำแหน่งผู้บริหารของเขา สายการบินระบุเมื่อวันที่ 27 มี.ค.
โชยังโฮ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีคอร์รัปชั่น ไม่สามารถคุมเสียงส่วนใหญ่ในบริษัทได้ถึง 2 ใน 3 จึงกลายเป็นผู้กุมบังเหียนคนแรกของอาณาจักรธุรกิจในเกาหลีใต้ที่ถูกบีบให้ออกจากบอร์ดบริหารของบริษัท
ชื่อของมหาเศรษฐีผู้นี้ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใหญ่โตในประเทศเกาหลีใต้ ดูจะคุ้นหูผู้คนเนื่องจากครอบครัวของเขามีข่าวฉาวจนเป็นที่จดจำของประชาชนในเกาหลีใต้ จนถึงกับเคยมีพนักงานของสายการบินโคเรียนแอร์จำนวนมากสวมหน้ากากออกมาประท้วงเขาและครอบครัวของเขา
ทั้งนี้ โช ซึ่งอยู่ในวัย 70 ปี ดำรงตำแหน่งประธานของฮันจินกรุ๊ป ซึ่งเคยเป็นเจ้าของบริษัทชิปปิ้งฮันจินที่ล้มละลายอยู่ โดยโชถือครองหุ้นประมาณ 30% ของโคเรียนแอร์ผ่านบริษัทแม่ ฮันจิน แคล
แต่กองทุนบำนาญแห่งชาติ ซึ่งถือหุ้นในโคเรียนแอร์มากเป็นอันดับ 2 ชี้แจงในวันที่ 26 มี.ค.ว่า จะโหวตคัดค้านการเลือกโช “ เป็นความจริงที่ท่านสูญเสียเก้าอี้ประธานบอร์ด ” โฆษกโคเรียนแอร์กล่าวกับสื่อ AFP ในเวลาต่อมา
โชถูกตั้งข้อหายักยอกทรัพย์มูลค่ากว่า 20,000 ล้านวอน และได้รับสัญญาสัมปทานที่ไม่เป็นธรรมให้กับบริษัทของเขาที่มีสมาชิกครอบครัวของเขาดำเนินการอยู่
โดยบุตรสาวทั้งสองของเขา ซึ่งเป็นผู้บริหารโคเรียนแอร์ ต้องกลายเป็นข่าวฉาว ทั้งเรื่องถั่วของลูกสาวคนโตและเรื่องสาดน้ำของลูกสาวคนเล็ก จนเขาต้องออกมาขอโทษต่อสาธารณชน และปลดลูกสาวออกจากตำแหน่งผู้บริหาร
โชฮยอนอา ลูกสาวคนโตกลายเป็นข่าวพาดหัวของสื่อทั่วโลกในปี 2557 ที่ให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินลงจากเครื่อง หลังเสิร์ฟถั่วแมกคาเดเมียจากถูงให้เธอ แทนที่จะใส่ชาม ต่อมาเธอต้องรับโทษจำคุกนาน 5 เดือน ขณะที่ในปีที่แล้ว โชฮยอนมิน ลูกสาวคนเล็กสาดน้ำใส่หน้าผู้จัดการฝ่ายโฆษณาในระหว่างการประชุมทางธุรกิจ เธอไม่ได้รับโทษใดๆ เพราะผู้เสียหายไม่เอาความ
อีมยองฮี ภรรยาของเขาถูกตำรวจสอบสวนหลายครั้งว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำทารุณต่อพนักงาน ทั้งด่าทอ เตะ ตบ หรือแม้แต่ขว้างกรรไกรใส่ตัวโช ผู้พ่อเองอยู่ในระหว่างตัดสินจำคุกโดยการรอลงอาญาในข้อหาเลี่ยงภาษีปี 2543 และยังคงรอการไต่สวนคดียักยอกเงิน 30,000 ล้านวอนจากกองทุนของบริษัทเพื่อนำไปปรับปรุงบ้านพักส่วนตัวของเขา.