เงินปอนด์แข็งค่า ขานรับโอกาสเลื่อนเบร็กซิท
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 21 เดือนต่อเงินยูโร หลังจากมีการคาดเดากันว่าอาจมีการเลื่อนกำหนดเบร็กซิทออกไป
โดยนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษระบุในสภาว่า หากไม่มีการตกลงในประเด็นเบร็กซิทและมีการปฏิเสธเบร็กซิทแบบโนดีล ดังนั้น จึงอาจส่งผลให้มีการขยายกำหนดเวลาที่สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปออกไปอีก
ในจุดนี้ ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 1.1643 ยูโร เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 2560 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม การยอมให้ของนายกฯเมย์ไม่ได้เป็นไปตามที่นักลงทุนหวังไว้ก่อนหน้านี้ จึงทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงอีกครั้ง และเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ค่าเงินปอนด์อยู่ที่ 1.3239 ดอลลาร์สหรัฐฯ สูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนม.ค.เป็นต้นมา ก่อนที่เงินปอนด์จะอ่อนค่าลงเช่นกัน
Jane Foley นักวิเคราะห์ที่ Rabobank ระบุว่า คำพูดของนายกฯเมย์ในสภา “ สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน” การทำให้มีความรู้สึกว่าเบร็กซิทอาจเลื่อนออกไป “จะยิ่งส่งผลชัดเจนขึ้นในช่วงเวลา 3 เดือน”
“ ตลาดไม่ได้ชอบเป็นพิเศษในสิ่งที่พวกเขาได้ยิน” เธอกล่าว
อย่างไรก็ตาม เธอเสริมว่านักลงทุนยังคงคิดเหมือนกันว่า ควรหลีกเลี่ยงเบร็กซิทแบบโนดีล เพราะทั้งสภา ทั้งประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง หรือยุโรป ก็ไม่ต้องการเช่นนั้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่ทราบผลการลงประชามติในปี 2559 ค่าเงินปอนด์ก็อ่อนค่าลงอย่างรุนแรงและเป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. Mark Carney ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งอังกฤษกล่าวกับบรรดาส.ส.ในคณะกรรมาธิการการคลังของสภาว่า ทางธนาคารจะให้การสนับสนุนเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นในกรณีที่เกิดเบร็กซิทแบบโนดีล
โดยเขาระบุว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินย้ำชัดว่า การขานรับกับอาการช็อกของเบร็กซิทแบบโนดีลจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
เขายังได้เตือนว่า อาจมีการจำกัดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรองรับความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นกับกิจกรรม หรืองานที่เกิดขึ้นในสถานการณ์แบบโนดีล หรืออาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมแรงกดดันเงินเฟ้อ เขายังเสริมว่า หากสหราชอาณาจักรออกจากอียูแบบโนดีล “ ผมการันตีได้เลยว่า GDP ที่เราคาดการณ์ไว้จะต่ำกว่าที่เป็นในเดือนก.พ. ซึ่งถือได้ว่าเป็นดีลและการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น”