จีนโต้มีสายลับจีนนับร้อยในอียู
จีนโต้ว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์การกล่าวหาจากสหภาพยุโรปที่ว่า มีสายลับจีนหลายร้อยคนที่ทำงานอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงของอียู
โดยจีนออกแถลงการณ์ถึงอียูเมื่อวันที่ 10 ก.พ. เพื่อเป็นการตอบโต้รายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัท สถานีโทรทัศน์ Welt ในเยอรมนีซึ่งระบุว่า นักการทูตและเจ้าหน้าที่ทหารของอียูได้ออกมาเตือนถึง “ สายลับประมาณ 250 คน ซึ่งเป็นชาวจีนและรัสเซีย ” ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
รายงานนี้อ้างอิงข้อมูลจาก European External Action Service (EEAS) ซึ่งเป็นหน่วยงานทางการทูตของอียู
“ เรารู้สึกช็อกอย่างที่สุดกับรายงานที่ไม่มีหลักฐานและเป็นเพียงเรื่องโคมลอย ” จีนระบุบนเว็บไซต์ “ จีนเคารพอธิปไตยของทุกประเทศ และไม่แทรกแซงในกิจการภายในของประเทศอื่นๆ ”
จีนให้คำมั่นที่จะคงความสัมพันธ์ที่ดีและมีเสถียรภาพกับสหภาพยุโรป โดยเสริมว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควร“ ปฏิบัติกับจีนและคงความสัมพันธ์จีน – อียูอย่างมีเป้าหมายและยุติธรรม และไม่ทำสิ่งที่ไร้ความรับผิดชอบ ”
อ้างอิงจากบทความของ Welt สายลับส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในสถานทูต หรือบริษัทสาขาย่อยในอียูที่มีฐานอยู่ในประเทศบ้านเกิด
โดยบรรดานักการทูตได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงหลายพื้นที่ของเมือง ทั้งร้านสเต็กเฮาส์และคาเฟ่ที่ได้รับความนิยม ซึ่งที่ตั้งอยู่ในระยะเดินได้จากสำนักงานใหญ่ของคณะกรรมาธิการยุโรปและ EEAS
การกล่าวหาจากอียู ถือเป็นการกล่าวหาจีนว่าเกี่ยวข้องกับการจารกรรมความลับครั้งล่าสุด โดยเมื่อวันที่ 8 ก.พ. สถานทูตจีนในกรุงวิลนิอุส ประเทศลิทัวเนียโต้ว่า เป็นคำกล่าวหาที่ “ไร้สาระ” ที่ระบุว่ามีสายลับจีนในลิทัวเนีย
เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักข่าวกรองของลิทัวเนียกล่าวหาจีนว่ามีกระบวนการสรรหาพลเมืองเพื่อทำหน้าที่เป็นสายลับ และแผ่อิทธิพลผ่านความเห็นสาธารณะในประเด็นทิเบตและการเรียกร้องอิสรภาพจากไต้หวัน
นอกจากนี้ ลิทัวเนียยังเข้าร่วมกับหลายประเทศในอียูและสหรัฐฯ ในการแถลงแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านความมั่นคงหากมีการใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทหัวเว่ยด้วย
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นผู้นำในการกล่าวหาอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทหัวเว่ยว่าสามารถใช้เป็นเครื่องมือจารกรรมข้อมูลให้กับรัฐบาลจีนได้ แม้จะไม่มีหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวหานี้ และหัวเว่ยปฏิเสธมาตลอดว่าไม่เป็นความจริง.