ภาษีใหม่สหรัฐฯ กระทบจีน
ผลิตภัณฑ์ไฮเทคสำคัญส่วนใหญ่สามารถหลีกเลี่ยงจากความร้อนแรงของสงครามการค้าที่เกิดขึ้น แต่หากผู้นำสหรัฐฯ ทำตามคำขู่โดยบังคับใช้มาตรการภาษีเต็มรูปแบบกับสินค้านำเข้าจากจีน จะกระทบภาคส่วนนี้ด้วย ผู้เชี่ยวชาญกล่าว
Rajiv Biswas หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ IHS Markit ระบุว่า สินค้าอย่างสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอตช์ และอุปกรณ์สวมใส่พกพาอื่นๆจะเป็นเป้าหมายของภาษีในรอบหน้า ขณะที่ Raymind Yeung หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำจีนแผ่นดินใหญ่ของธนาคาร ANZ ระบุว่า โทรศัพท์มือถือจะถูกรวมไปกับสินค้าบริโภคอื่นๆ
“ หากรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีเพิ่มเติมรอบที่ 3 มูลค่า 267,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะส่งผลกระทบเป็นคลื่นกระแทกเศรษฐกิจกับผู้ส่งออกจีน” Biswas ให้ข้อมูลกับสื่อ CNBC ในอีเมล
โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคอย่างแอปเปิลระบุเมื่อช่วงต้นเดือนว่า มาตรการภาษีอาจส่งผลกระทบกับแอปเปิลวอตช์ และแอร์พอดส รวมถึงอแดปเตอร์และที่ชาร์จสำหรับผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ แต่จากรายการล่าสุดของมาตรการภาษีที่มีผลบังคับใช้ในสัปดาห์นี้ ยังคงได้รับการยกเว้นจากภาษีอยู่
ยานยนต์เป็นอีกภาคส่วนที่เป็นเป้าหมาย Carol Liao นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำจีนที่ J.P.Morgan ระบุ
อ้างอิงจากข้อมูลของ Biswas ภาษีรอบใหม่จะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อบริษัทหลากหลายสัญชาติที่ผลิตสินค้าในจีนเพื่อส่งออก รวมถึงผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนทั่วโลก
บริษัทผู้ผลิตยานยนต์รับรู้ได้ถึงความร้อนแรงของสงครามการค้า เมื่อทรัมป์ขึ้นภาษี 25% กับรถยนต์ที่ผลิตในจีนในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ฟอร์ดยกเลิกแผนของรถครอสโอเวอร์รุ่น Active ที่ผลิตในจีนเพื่อไปขายในสหรัฐฯ ขณะที่วอลโว่ย้ายฐานการผลิตรถครอสโอเวอร์รุ่น XC60 จากจีนไปสวีเดน นอกจากนี้ เจเนรัลมอเตอร์ก็กำลังหาทางเพื่อให้รถบูอิก รุ่น Envision ซึ่งผลิตในจีน ได้รับยกเว้นภาษีเช่นกัน
ทั้งนี้ รัฐบาลทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีอัตรา 10% มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้าจีนในสัปดาห์นี้ และจะปรับเพิ่มเป็น 25% ในวันที่ 1 ม.ค.ปี 2562 โดยจีนโต้กลับด้วยมาตรการภาษีมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน
ทรัมป์ระบุว่า การตอบโต้จากจีนจะยิ่งทำให้สหรัฐฯประกาศใช้มาตรการภาษีเพิ่มเติมเฟส 3 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 267,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้าจีนโดยเร็ว
จีนมีข้อจำกัดในด้านมาตรการภาษีที่จะตอบโต้สหรัฐฯ เนื่องจากจีนไม่ได้นำเข้าสินค้าอเมริกันเป็นจำนวนมากเท่ากับที่สหรัฐฯนำเข้าสินค้าจากจีน โดยจีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมูลค่าเพียง 129,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2560 เมื่อเทียบกับที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ มูลค่า 505,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ก่อนความเคลื่อนไหวด้านภาษีในสัปดาห์นี้ ทั้งสหรัฐฯและจีนต่างบังคับใช้มาตรการภาษีมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้าของกันและกัน
ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจกับจีนยังสามารถจัดการได้ แต่หากสหรัฐฯมีมาตรการภาษีเต็มรูปแบบกับสินค้านำเข้าจากจีน อาจทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น อ้างอิงจากรายงานล่าสุดของ J.P.Morgan โดยธนาคารประเมินว่า การจ้างงานในจีนอาจหายไปถึง 3 ล้านอัตรา หากจีนไม่มีมาตรการรับมือใดๆกับภาษีรอบหน้าของสหรัฐฯ ทาง J.P.Morgan ระบุว่าการจ้างงานอาจลดลงเหลือเพียง 700,000 อัตราหากจีนมีมาตรการภาษีโต้กลับ และคาดการณ์ว่า ค่าเงินหยวนจะอ่อนค่าลง 5%
Biswas เสริมว่า “ จากการที่บริษัทหลายชาติปรับเปลี่ยนซัพพลายเชนเพื่อส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ด้วยการสร้างฮับการผลิตนอกจีน ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางของจีนกำลังเผชิญกับคำสั่งการผลิตใหม่ที่อ่อนแรงลง และอัตรางานที่หายไป”