สตาร์บัคส์เปิดตัวในอิตาลีพร้อมลูกค้าหนาแน่น
ผู้คนราว 200 ราย เข้าแถวตามคิวที่ด้านนอกของร้านสตาร์บัคส์ สาขาแรกในอิตาลี เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่สตาร์บัคส์ต้องเผชิญหน้ากับด่านทดสอบที่ยากเย็นที่สุด ก็คือการสร้างสาขาร้านกาแฟใจกลางกรุงมิลาน
ประเทศอิตาลี ซึ่งหลงใหลในกาแฟ มีร้านคาเฟ่ทั่วประเทศมากกว่า 57,000 แห่ง และสตาร์บัคส์ ซึ่งสร้างสาขาใหม่พร้อมตกแต่งร้านด้วยพื้นหินอ่อนและลวดลายทองเหลือง ตั้งราคาเครื่องดื่มไว้สูงมากกว่าที่ชาวอิตาเลียนมักจะจ่ายค่ากาแฟเอซเปรสโซเป็นประจำทุกวันถึง 2 เท่า
อย่างไรก็ตาม ในวันเปิดร้านก็ยังมีผู้คนมากมายยืนเรียงร้ายที่จตุรัส Cordusio แต่ละรายไม่มีท่าทีกังขาใด ๆ กับราคาของเครื่องดื่มในร้านสตาร์บัคส์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการร้องเรียนจากสมาคมผู้บริโภคอิตาเลียนเกี่ยวกับราคามาก่อน
การเปิดตัวร้าน ยังสามารถเรียกลูกค้าชาวอิตาเลียน และนักท่องเที่ยว ที่ต่างสงสัยในเครื่องดื่มของสตาร์บัคส์ได้อยู่ดี โดย Sonia Vesti ผู้อาศัยอยู่ในมิลานระบุว่า “ฉันหวังว่ากาแฟที่นี่จะรสชาติดีกว่าที่เคยเป็นในอเมริกานะ”
ร้านสตาร์บัคส์ที่มีเครื่องคั่วกาแฟขนาดอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเสิร์ฟแต่กาแฟที่มาจากเมล็ดกาแฟอาราบิกาคุณภาพพรีเมียมเท่านั้น ในขณะที่คาเฟ่ทั่วอิตาลี มักจะใช้กาแฟที่ราคาถูกกว่า
นอกจากนี้แล้ว ค็อกเทล ขนมอบ และไอศกรีม ยังมีขายในร้านที่มิลานอีกด้วย ซึ่งสะท้อนความฝันตลอดชีวิตของ Howard Schultz ผู้ที่ทำให้สตาร์บัคส์กลายเป็นเชนร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Howard Schultz ระบุว่า เขามีแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาสตาร์บัคส์ ซึ่งตอนนี้มีสาขามากกว่า 29,000 สาขาทั่วโลก ในช่วงที่เขาเดือนทางมายังอิตาลีในปี 2526 ซึ่งเขาได้ตกหลุมรักในความเชื่อมโยงระหว่างบาริสตาและลูกค้าของพวกเขา
สำหรับสตาร์บัคส์ที่มาพร้อมโรงคั่วกาแฟในมิลาน ถือเป็นสาขาแรกในยุโรปด้วยเช่นกัน ส่วนอีก 2 สาขา ตั้งอยู่ที่ซีแอตเทิล และเซี่ยงไฮ้
ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า การเปิดตัวของสตาร์บัคส์ในอิตาลี อาจทำให้เกิดการสั่นคลอนในอุตสาหกรรมคาเฟ่ท้องถิ่นของอิตาลีก็เป็นได้
Jonny Forsyth นักวิเคราะห์ด้านเครื่องดื่มทั่วโลก จาก Mintel กลุ่มค้นคว้าตลาด ระบุว่า “ผลการค้นคว้าของเราเผยให้เห็นว่า ชาวอิตาเลียนอายุน้อย หรือช่วงวัย 16-34 ปี มีทัศนคติเปิดกว้างต่อความคิดเกี่ยวกับสไตล์การดื่มกาแฟแบบอเมริกัน อย่างเครื่องดื่มแฟรปปูชิโน กาแฟชงเย็น (cold brew) และกาแฟคั่วอ่อน ๆ มากยิ่งขึ้น”.